'ททท.' เชื่อมั่นแผนรัฐคุมโควิด เดินหน้าโรดแมพเปิดประเทศ
“ท่องเที่ยว” ฝ่าวิกฤติโควิดระบาดรอบใหม่ ฮึดติดเครื่องยนต์เศรษฐกิจหวังธุรกิจรีเทิร์นดันจีดีพีไทยโต 4% มั่นใจ “มาตรการรัฐ-วัคซีค” หนุนเดินหน้าโรดแมพเปิดประเทศ รับทัวริสต์ฉีดวัคซีนแล้ว ส่งสัญญาณทั่วโลกดึงเอเย่นต์เริ่มวางแผนขายแพ็คเกจเที่ยวไทย
รักษาเป้ารายได้ท่องเที่ยวไทยปีนี้ 1.2 ล้านล้าน ด้าน “สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้” จี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนภูเก็ตลุย “ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์” รับเปิดเมืองนำร่อง 1 ก.ค.
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหนึ่งในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต้องอยู่ในอาการโคม่าหลังเผชิญ “มหัตภัยโควิด-19” ที่แพร่ระบาดหนักในทั่วโลกและประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2563 และอยู่ในภาวะ “ล็อกดาวน์” เป็นระยะ ขณะที่ “นักท่องเที่ยว” ไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศได้ตามปกติ กระทบประเทศไทยอย่างหนักจากรายได้และปริมาณนักท่องเที่ยวที่หายวูบไปมากกว่า 80%
กระทรวงการคลังระบุว่า สัดส่วนรายได้จากภาคท่องเที่ยวมีมากถึง 12% ของจีดีพีประเทศไทย ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า ปี 2562 รายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 2.99 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 39.92 ล้านคน เฉลี่ยเดือนละ 3.32 ล้านคน สร้างรายได้ 1.91 ล้านล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวไทยมีจำนวน 172 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.08 ล้านล้านบาท
กระทั่งวิกฤติโควิด-19 ระบาดทั่วโลกทำลายล้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2563 “โคม่า” แม้ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังพอประคองตัวผ่านไปได้ แต่รายกลางและเล็กจำนวนมากยืนระยะต่อไม่ไหว จำต้องปิดกิจการทั้งชั่วคราวและถาวร เพราะไม่อาจแบกรับต้นทุนในภาวะที่ไร้แสงสว่างทั้ง “วัคซีน” และ “ดีมานด์” โดยเฉพาะรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งไทยพึ่งพิงมากถึง 64% เทียบกับรายได้รวมปีก่อน
ส่งผลให้ปี 2563 ประเทศไทยมีรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศเพียง 8.14 แสนล้านบาท ลดลง 73% เทียบกับปี 2562 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน ลดลง 83% สร้างรายได้ 3.32 แสนล้านบาท ลดลงในอัตราเดียวกันที่ 83% ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวไทยปิดที่ 90.52 ล้านคน-ครั้ง ลดลง 48% สร้างรายได้ 4.82 แสนล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า เบื้องต้น ททท.ประเมินว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่จะยังไม่กระทบต่อเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศปี 2564 ที่ 1.21 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.5 ล้านคน แม้จำนวนจะลดลง 3% เทียบปีที่แล้ว แต่จะกระตุ้นให้มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 53,500 บาท/คน/ทริป เพื่อให้ตลาดต่างประเทศสร้างรายได้ที่ 3.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่เป้าหมายตลาดนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 77% ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4,000 บาท/ทริป คาดว่าจะสร้างรายได้ 8.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%
“หากการระบาดของโควิด-19 รอบ 3 สามารถควบคุมโรคได้ดีขึ้นและคลี่คลายในทิศทางที่ดี ททท.เตรียมรุกทำการตลาดส่งเสริมเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวหรือโลว์ซีซั่นช่วงฤดูฝน”
ทั้งผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งต้องเลื่อนกำหนดเปิดให้ประชาชนใช้สิทธิล่าช้าหรือดีเลย์ไปอีก 1-2 สัปดาห์ เป็นสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของเดือน พ.ค.จากกำหนดเดิมจะเปิดให้จองสิทธิในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่ที่น่าจะคลี่คลายดีขึ้น คนไทยยอมรับ และมั่นใจออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง
ส่วนการเปิดให้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทย ยังคงกำหนดเป็นช่วงหลังวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์เช่นเดิม เพื่อเร่งเตรียมความพร้อมรองรับการจองแพ็คเกจทัวร์ในเดือนหน้า
"แม้ขณะนี้สถานการณ์โควิดกำลังระบาดในวงกว้าง แต่ ททท.ยังคงใช้โรดแมพเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 3 เดือนกว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวตามโมเดลแซนด์บ็อกซ์ นำร่องที่ภูเก็ตก่อนในไตรมาส 3 หรือตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.2564"
- ไม่กระทบโรดแมพเปิดประเทศ
สำหรับโรดแมพการเปิดประเทศ เฟสแรก เริ่มไตรมาส 2/2564 (เม.ย.-มิ.ย.) พื้นที่นำร่อง 6 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ โดยให้นักท่องเที่ยวกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 7 คืน ในรูปแบบ 0+7 คืน กล่าวคือ สามารถออกนอกห้องพัก และออกไปเที่ยวในเส้นทางจำกัด (Sealed Route) ที่กำหนดได้ และอาจเปิดพื้นที่ที่จำกัด (Sealed area)
“ถือเป็นการส่งสัญญาณให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยเตรียมเปิดประเทศแล้ว เพื่อให้เอเย่นต์ทั่วโลกเริ่มขายแพ็คเกจท่องเที่ยวมาประเทศไทย ซึ่ง ททท.ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากตั้งแต่เริ่มเปิดเฟสแรก"
ทั้งนี้ ตลาดระยะใกล้ เช่น ประเทศจีนยังไม่อนุญาตให้คนจีนเดินทางออกเที่ยวนอกประเทศ ขณะที่ ฮ่องกง ถ้ามาแล้วกลับไปประเทศตัวเองต้องถูกกักตัว 21 วัน ส่วนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และอินเดีย กลับไปต้องถูกกัก 14 วัน ด้านตลาดระยะไกลอย่างยุโรป ไม่กักตัวคนที่เดินทางกลับประเทศ แต่ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่นของตลาดยุโรป ประกอบกับเป็นช่วงเร่งกระจายการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ถ้าออกนอกประเทศจะถูกปรับเป็นเงิน 5,000 ปอนด์ ต้องรอหลังวันที่ 17 พ.ค.2564 จึงจะอนุญาตให้ออกนอกประเทศได้
- หวังทัวริสต์ตบเท้าเข้าไทยไตรมาส 3
อย่างไรก็ดี ททท.และผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยต่างมีความหวังและรอคอยการดำเนินงานในเฟสสองของการเปิดประเทศ หรือในไตรมาส 3/2564 (ก.ค.-ก.ย.) ซึ่งจะเริ่มโครงการ ภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วมาเที่ยวภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว และต้องอยู่ในพื้นที่อย่างน้อย 7 คืน ก่อนเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ทั่วประเทศ
ในเบื้องต้นได้เสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา เริ่มต้นที่ 1 แสนคน แต่หลังจากมีการประกาศเรื่องโมเดล ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ออกไป ทางสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศรายงานว่า น่าจะมีมากกว่า 1 แสนคนในเดือนแรก เพราะช่วงนั้นในหลายประเทศฉีดวัคซีนกันจำนวนมากแล้ว และมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับเป็นช่วงเริ่มต้นออกท่องเที่ยวของชาวยุโรป แต่สิ่งสำคัญคือคนภูเก็ตต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่า 70% ของคนในพื้นที่เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่
- เล็งขอใช้ "แซนด์บ็อกซ์เขาหลัก"
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 อาจเสนอขอเพิ่มพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ เช่น เขาหลัก จ.พังงา ซึ่งเสนอตัวมาว่าสามารถซีลหรือจำกัดพื้นที่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ใกล้ชุมชน ทั้งยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียซึ่งต้องการเพียง “3B” ได้แก่ Book-Beach-Beer ส่วนนักท่องเที่ยวรัสเซียต้องการ “2B” ก็พอใจแล้ว คือ “Beach-Beer” ด้านเกาะสมุยเสนอตัวเข้ามาเช่นกัน ขณะที่ เมืองพัทยา หากจะเข้าร่วมต้องเสนอแผนว่าจะซีลพื้นที่ได้อย่างไร
“สิ่งสำคัญที่เป็นตัวเปลี่ยนเกม หรือ Game Changer คือการจัดหาวัคซีนให้คนในพื้นที่ จึงเป็นประเด็นที่กรุงเทพฯ อาจเป็นพื้นที่นำร่องไม่ได้ เพราะมีประชากรกว่า 10 ล้านคน ต้องหาวัคซีนให้ได้มากถึง 20 ล้านโดส ซึ่งจะเสนอรัฐบาลเพิ่มเติมว่าขอให้นักท่องเที่ยวมาบินลงกรุงเทพฯ เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบินไปยังจังหวัดเป้าหมายได้ เพราะสายการบินทั่วโลกมีสลอตตารางบินมาลงที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก”
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเฟสที่สามของโรดแมพเปิดประเทศ ในไตรมาส 4/2564 (ต.ค.-ธ.ค.) มีพื้นที่นำร่อง 6 พื้นที่ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต้องกักตัว ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ แต่ละพื้นที่ต้องนำเสนอแผนพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนเข้ามาให้พิจารณาด้วย เพื่อสามารถตอบสังคมได้ว่าทำไมถึงเลือกพื้นที่เหล่านี้
พื้นที่นำร่องทั้ง 6 พื้นที่ ถือเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ เป็นที่รู้จักระดับโลกรวมถึงพึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในระดับสูง ประกอบกับมีความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งสนามบินนานาชาติและโรงแรมที่พัก
- ลุ้นจีนอนุญาตเที่ยวนอกประเทศโกลเด้นวีควันชาติจีน 1 ต.ค.นี้
อย่างไรก็ดี จากโรดแมพดังกล่าว ยังตอบได้ยากในขณะนี้ว่าจะสามารถผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 6.5 ล้านคน สร้างรายได้ 3.5 แสนล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ได้หรือไม่ เพราะช่วงที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมากจะเป็นไตรมาส 4 แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจากหลายปัจจัย เช่น ช่วงเวลานั้นทางการจีนจะอนุญาตให้ชาวจีนออกท่องเที่ยวนอกประเทศได้หรือไม่ หากทางการจีนอนุญาตให้ชาวจีนออกเที่ยวนอกประเทศได้ในช่วงวันหยุดยาว หรือโกลเด้นวีค วันชาติจีน 1 ต.ค.นี้ จะส่งผลดี
“แต่หากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็ต้องปรับแผนเจาะตลาดนักท่องเที่ยวยุโรปมากขึ้น ซึ่งใช้จ่ายสูง และอยู่ในไทยนานเป็นเดือนๆ เพื่อทำรายได้ให้ถึงเป้าให้ได้ และเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้ขยายตัวที่ 4% ตามเป้าหมายของรัฐบาล” นายยุทธศักดิ์กล่าว
- ภูเก็ตเร่งฉีดวัคซีนรับเปิดเมือง 1 ก.ค.
นายศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล อุปนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 รอบ 3 ในประเทศไม่กระทบต่อการเดินหน้าโครงการภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างระดมฉีดวัคซีนให้ถึง “1 แสนโดส” ภายในเดือน เม.ย. และเดือน พ.ค.นี้ จังหวัดภูเก็ตจะฉีดอีก 3 แสนโดส เพื่อให้ถึงเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่ประชากรภูเก็ต 466,587 คน ครบจำนวน 933,174 โดส คิดเป็น 94% ของประชากรทั้งหมดในภูเก็ต 493,137 คน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รองรับการนำร่องโครงการแซนด์บ็อกซ์ที่ภูเก็ต เริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้
"สมาคมฯ ประเมินว่าแม้จะเปิดประเทศนำร่องด้วยโมเดลแซนด์บ็อกซ์ที่ภูเก็ตในช่วงไตรมาส 3 นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะยังเดินทางเข้ามาน้อย แต่สิ่งสำคัญคือการได้ส่งเมสเสจ กวักมือเรียกลูกค้าว่าภูเก็ตพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว น่าจะเริ่มเดินทางเข้าภูเก็ตมากขึ้นในไฮซีซั่นไตรมาส 4 นี้เป็นต้นไป”