เอ็กโก กรุ๊ป จ่อหาพันธมิตรร่วมลงทุนแบตเตอรี่รับเทรนด์รถอีวี

นายกุลิศ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO (เอ็กโก กรุ๊ป) เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป อยู่ระหว่างศึกษาลงทุนแผนธุรกิจใหม่ ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ที่มีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถือหุ้น 40%และมีบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และเอ็กโก กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ กฟผ. ร่วมถือหุ้นด้วยแห่งละ 30% เพื่อร่วมกันพัฒนาต่อยอดผลงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของ กลุ่ม กฟผ. สู่เชิงพาณิชย์ และลงทุนในธุรกิจพลังงานเพื่ออนาคต เช่น สมาร์กริด นวัตกรรมที่รองรับยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) เช่น การพัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) และแบตเตอรี่ การพัฒนาสถานีไฟฟ้าและระบบส่ง ให้รองรับการเข้ามาของพลังงานทดแทน ในระบบไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เช่น โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การส่งเสริมรถอีวี ซึ่งถือเป็นนโยบายแห่งชาติ หลังจากภาครัฐมีการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2578 รถเครื่องยนต์สันดาปจะต้องเปลี่ยนเป็นรถอีวี 100% จะส่งผลให้ แบตเตอรี่ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนรถอีวี มีความต้องการมากขึ้น และปัจจุบัน แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ใช้สำคัญรถอีวี มีแนวโน้มราคาถูกลง และความต้องการใช้จะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนรถอีวี ซึ่งจะเป็นโอกาสของของเอ็กโก กรุ๊ป 

ดังนั้น บริษัทร่วมทุนกับ กฟผ. ก็จะศึกษาโอกาสในเรื่องนี้ และเอ็กโก กรุ๊ป ก็จะร่วมลงทุนด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหาแสวงหาพันธมิตรร่วมลงทุน ฉะนั้น เอ็กโก กรุ๊ป จะไม่ตกเทรนด์และจะร่วมลงทุนในธุรกิจดังกล่าว รวมถึงเรื่องของสมาร์ทกริดและสมาร์ทมิเตอร์ ซึ่งจะเห็นการลงทุนได้ตั้งแต่ปีนี้ เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสเข้าร่วมลงทุนโครงการใหม่ๆ เช่น โซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลม ซึ่งได้เข้าไปลงทุนในไต้หวันแล้ว ส่วนในประเทศไทยหากเปิดโอกาสลงทุนก็พร้อมเข้าร่วม อีกทั้งโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก บริษัทก็ศึกษาโอกาสเข้าไปร่วมลงทุนด้วย เพื่อผลักดันให้บริษัทมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 25% ของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ภายในปี 2573 และอีก 75% จะเป็นกำลังการผลิตจากพลังงาน Conventional และธุรกิจใหม่

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีกำไรสุทธิปี2564 เติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าในปี 2563 กำไรสุทธิจะลดลงจากผลกระทบโควิด-19 และในปีนี้ ยังเดินหน้าใช้งบลงทุน 37,000 ล้านบาท และ5ปี ใช้งบลงทุน 1.5 แสนล้านบาทตามเป้าหมาย โดยปีนี้ตั้งเพิ่มกำลังผลิตใหม่ 1,000 เมกะวัตต์