กลุ่ม 'แบงก์-ไฟแนนซ์' ราคาพุ่ง ลุ้นงบไตรมาส 1/64 โตกว่าคาด
“หุ้นแบงก์-ไฟแนนซ์” กอดคอบวก “กสิกรไทย” ชี้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรงบไตรมาส 1/64 เชื่อออกมาดีกว่าคาด ตามแบงก์กสิกรไทย ทิสโก้ เกียรตินาคินฯ “หยวนต้า” ประเมินไตรมาส 2 สินเชื่อแบงก์-นอนแบงก์เติบโตตามเศรษฐกิจ
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (แบงก์) และกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) วานนี้ (20 เม.ย.2564) ปรับขึ้นยกแผง กลุ่มแบงก์นำโดย ธนาคารกรุงศรี (BAY) เพิ่มขึ้น 4.73% หรือ 1.75 บาท อยู่ที่ 38.75 บาทต่อหุ้น, ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เพิ่มขึ้น 3.53% หรือ 0.03 บาท อยู่ที่ 0.88 บาทต่อหุ้น และ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เพิ่มขึ้น 2.54% หรือ 2.5 บาท อยู่ที่ 101 บาทต่อหุ้น
ส่วนกลุ่มนอนแบงก์นำโดย บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เพิ่มขึ้น 5.69% หรือ 4.75 บาท อยู่ที่ 88.25 บาทต่อหุ้น, บมจ.ไมด้า ลิสซิ่ง (ML) เพิ่มขึ้น 5.45% หรือเพิ่มขึ้น 0.06 บาท อยู่ที่ 1.16 บาทต่อหุ้น และ บมจ.อะมานะฮ์ ลิสซิ่ง (AMANAH) เพิ่มขึ้น 4.8% หรือ 0.3 บาท อยู่ที่ 6.55 บาทต่อหุ้น
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์และนอนแบงก์ปรับขึ้นเก็งงบไตรมาสแรกปี 2564 ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าคาดการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่ภายหลังการประกาศงบของ 5 ธนาคาร พบว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับลดลงทุกธนาคาร ตามต้นทุนการตลาดและการแข่งขันโปรโมชั่นที่ลดลง
ส่วนกลุ่มนอนแบงก์ปรับขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรงบไตรมาสแรกเช่นกัน รวมถึงมีกระแสข่าวบวกเฉพาะตัวจากการถอนตัวของซิตี้แบงก์ออกจากประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันในตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตลดลง รวมถึงข่าวลือธนาคารออมสินสนใจลงทุน บมจ.เงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ซึ่งภายหลังธนาคารออกมาปฏิเสธแล้ว
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนกลุ่มแบงก์ฝ่ายวิจัยยังแนะนำซื้อทุกตัว เพราะมูลค่า (Valuation) ค่อนข้างถูก โดยเชื่อว่าในปี 2564 กลุ่มธนาคารจะมีภาระการตั้งสำรองลดลงซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิมีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งยังได้ปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
ขณะที่กลุ่มนอนแบงก์ให้น้ำหนักรองลงมาและแนะนำซื้อรายตัว เพราะ Valuation ค่อนข้างสูงแล้ว แต่ยังมีปัจจัยบวกจากตลาดเริ่มคลายความกังวลภาวะการแข่งขันในกลุ่ม ภายหลังผู้ประกอบการหันไปหารายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาชดเชยการปรับลดดอกเบี้ย โดยเลือก บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เป็นหุ้นเด่นที่ราคาเหมาะสม 79 บาท
ขณะที่ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ต่อกลุ่มธนาคารคาดว่ากำไรจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยกรณีเลวร้ายคาดว่า NPL ของกลุ่มจะเพิ่มขึ้นแตะ 5.5% จากปัจจุบันที่ 4.5% แต่อย่างไรก็ดีธนาคารมีการตั้งสำรองเพียงพอรองรับหนี้เสียถึงระดับ 6% จึงไม่มีภาระตั้งสำรองเพิ่มในปีนี้ ส่วนกลุ่มนอนแบงก์คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและมนุษย์เงินเดือนที่สามารถปรับตัวได้ในช่วงวิกฤติ
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การปรับขึ้นของหุ้นนอนแบงก์วันนี้ คาดว่ามาจากปัจจัยที่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งบริษัทฯ มีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ประมาณ 35-32.6 เท่า สูงกว่าผู้เล่นหลักในกลุ่ม ได้แก่ บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ที่ 25 เท่า และ MTC ที่ 27 เท่า ส่งผลให้มีแรงซื้อเพื่อดันให้มูลค่าปรับขึ้นไปใกล้เคียงกัน ขณะที่การลงทุนยังแนะนำซื้อหุ้นทั้งกลุ่มแบงก์และนอนแบงก์ โดยคาดว่าสินเชื่อจะเริ่มขยายตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และเศรษฐกิจที่จะกลับมาเติบโต