'เซ็นทรัลพัฒนา'กางโรดแมพช่วยสร้างภูมิคุ้มกันประเทศ
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลปักหมุดสถานที่ฉีดวัคซีนเร่งให้ประเทศเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ชู "ระยอง" ต้นแบบพร้อมช่วยเหลือทุกฝ่ายประคองและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์,เซ็นทรัลพลาซา,เซ็นทรัลเฟสติวัล,เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย ตอบรับแนวทางสภาหอการค้าไทยโดยทีมAในการที่ภาคเอกชนจะแบ่งเบาภาระของภาครัฐซึ่งศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีความพร้อมเต็มที่ในการเสนอให้ใช้พื้นที่ศูนย์การค้ารวม 23 สาขา จาก 33 สาขาทั่วประเทศ ที่มีศักยภาพในการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้เพื่อเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทุกภูมิภาคอย่างรวดเร็วที่สุดและพร้อมมีแผนในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานบริษัทและร้านค้าในศูนย์การค้าอย่างเร่งด่วนเพื่อลดภาระภาครัฐ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประเทศไปสู่จุดที่จะเกิด ภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity)ให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้พร้อมเตรียมแผนช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงนี้ และแผนฟื้นฟูหลังสถานการณ์คลี่คลายขึ้น ด้วยการลดค่าครองชีพแบ่งเบาภาระประชาชน ต่อเนื่องถึงสิ้นปี
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน)กล่าวว่า“การเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึงและรวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้กลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้ดังนั้นในสถานการณ์นี้ เราพร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกโดยเสนอให้ใช้ศูนย์การค้าของเราซึ่งมีพื้นที่ใหญ่บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมีมาตรการสะอาดปลอดภัยไม่แออัด สะดวก และกระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศเป็นสถานที่สนับสนุนกระบวนการกระจายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ให้ประชาชนทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนในการหาแนวทางเพื่อจัดหาวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัทและร้านค้าที่ต้องให้บริการใกล้ชิดกับลูกค้าอย่างเร่งด่วน และสนับสนุนโครงการจัดหาวัคซีนของภาคเอกชน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยไปสู่จุดที่เกิด‘ภูมิคุ้มกันหมู่’(Herd Immunity)สร้างสุขอนามัยและความแข็งแรงให้กับประชาชนทั่วประเทศต่อไปโดยเร็วที่สุด”
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า ในเวลาวิกฤติการณ์สำคัญเช่นนี้เราคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องสร้างความสมดุลให้ความช่วยเหลือดูแลประคับประคอง และสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งเติบโตต่อเนื่องบริษัทฯ จึงได้วางแผนโรดแมปในการช่วยลดภาระภาครัฐในด้านสุขภาพของคนไทยพร้อมช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นเดินหน้าเศรษฐกิจของประเทศต่อไปเพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันใน3แนวทางได้แก่
1.แนวทางเร่งด่วนเพื่อรอดพ้นในระยะยาว–สนับสนุนพื้นที่ศูนย์การค้าเพื่อเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตปกติและฟื้นเศรษฐกิจในระยะยาวได้
1.1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้มีการศึกษาและมีความพร้อมเต็มที่ในการเสนอให้ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของเรารวม23สาขา (จาก33สาขาทั่วประเทศ) ที่มีศักยภาพในการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้เพื่ออำนวยความสะดวกและเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทุกภูมิภาคอย่างรวดเร็วที่สุดโดยเรามีต้นแบบการใช้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเป็นแห่งแรกไปแล้วเมื่อวันที่21เม.ย. 2564ที่ เซ็นทรัล ระยอง โดยร่วมกับโรงพยาบาลระยองได้รับผลตอบรับที่ดีและมีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
1.2 มีแผนในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานบริษัทและร้านค้าในศูนย์การค้าอย่างเร่งด่วนโดยเราได้นำร่องฉีดวัคซีนให้พนักงานที่ให้บริการลูกค้าของเซ็นทรัล ภูเก็ตไปแล้วซึ่ง85%ของพนักงานจะได้รับวัคซีนครบ2เข็ม ภายในกลางเดือน พ.ค.64นี้นับเป็นอัตราการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่มากกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่กำหนดไว้ที่70%เพื่อเตรียมเป็นศูนย์การค้าแรกของไทยที่พนักงานให้บริการลูกค้าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19พร้อมทั้งร่วมมือกับจังหวัดภูเก็ต เป็นRole Modelในการเร่งฟื้นภาคค้าปลีกและการท่องเที่ยวต่อไปหลังสถานการณ์คลี่คลาย
โดย เซ็นทรัลพัฒนา มีความมุ่งมั่นในการช่วยลดภาระภาครัฐ และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประเทศไปสู่จุดที่จะเกิด ภูมิคุ้มกันหมู่ Herd Immunity ให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความพร้อมและจุดแข็งในด้านต่างๆ ได้แก่
- เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดกับชุมชน ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทำให้สะดวกในการมารับบริการฉีดวัคซีนมีความพร้อมเป็นProvincial Vaccination Centersเพื่อช่วยเร่งกระบวนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้โดยปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา บริหารจัดการศูนย์การค้า33แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล15สาขาและต่างจังหวัด18สาขา อีกทั้งศูนย์การค้าแต่ละสาขายังให้ความร่วมมือและมีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการท้องถิ่นมาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยลดขั้นตอนและเร่งการจัดเตรียมสถานที่ให้พร้อมรองรับประชาชนได้
- สถานที่มีความพร้อม สามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพไม่แออัด สะอาดปลอดภัยโดยในทุกสาขามีพื้นที่ส่วนกลาง หรือConvention Hallที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถรองรับเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งมีการบริหารSocial Distancingอย่างเป็นระบบ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด
-มีมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยขั้นสูงสุดตามแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ทั่วทั้งศูนย์การค้าได้แก่
1) การคัดกรองอย่างเข้มงวด
2) ยกระดับมาตรฐาน Social Distancingทุกจุด
3) การติดตามเพื่อความปลอดภัย
4) การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดสัมผัส
5) แนวทางลดการสัมผัส (Touchless)
รวมถึงการยกระดับความเข้มงวดในการฆ่าเชื้อด้วยแสงUV-Cตลอดเวลาในระบบอากาศ, เช็ดฆ่าเชื้อตลอดเวลาด้วยน้ำยาที่มีการรับรองระดับสากลว่ามีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโควิด-19และเพิ่มความถี่ฆ่าเชื้อในห้องน้ำทุก30นาที เป็นต้นซึ่งจะสร้างความมั่นใจและอำนวยความสะดวกให้กับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้มารับการฉีดวัคซีนได้
2.แนวทางประคับประคองคนไทยช่วยเหลือธุรกิจต่างๆในระหว่างที่สถานการณ์ยังวิกฤติ
2.1 กลุ่มคู่ค้าร้านค้าของศูนย์การค้าที่มีกว่า15,000รายทั่วประเทศ:ช่วยเหลือดูแลค่าเช่าตามความเหมาะสมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี2563และเปิดโอกาสให้เข้าถึงช่องทางการขายแบบOmnichannelเช่นChat & Shop, Drive-ThruและTake Away Deliveryและแคมเปญกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง
2.2 กลุ่มผู้ประกอบการ: เปิดพื้นที่การขายแก่ผู้ได้รับผลกระทบฟรีกว่า40,000ตร.ม.เพื่อช่วยเหลือSMEs,เกษตรกร,และอาชีพต่างๆด้วยการจัดงานตลาดผลไม้รวมใจ, Revival Marketอย่างต่อเนื่อง
3.แนวทางฟื้นฟูความเชื่อมั่น สร้างพลังบวก และกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังคลี่คลาย
3.1 กระตุ้นเงินสะพัดภายในประเทศด้วยการลดค่าครองชีพผู้บริโภค ผลักดันแคมเปญใหญ่ทั่วประเทศ’ไทยช่วยไทยรวมใจช้อป’ส่งเสริมการจับจ่ายในประเทศที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล33สาขาทั่วประเทศพร้อมผนึกพันธมิตรทุกฝ่าย ทั้งธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัลร้านค้า และพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับประเทศอีกทั้งวางแผนการตลาดแบบomnichannelต่อเนื่องอีกกว่า 100 แคมเปญครอบคลุมตลอด 3 ไตรมาสถึงสิ้นปี 2564
3.2 จับมือธุรกิจแบบ Cross-Value Chain เร่งฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว โรงแรมและการบริการทั้งระบบโดยมีSuccess storyจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปี2564ในการวางกลยุทธ์สนับสนุน ไทยเที่ยวไทย ในจังหวัดต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา สมุย ซึ่งช่วยสร้างเงินสะพัด และกระตุ้นเศรษฐกิจระดับมหภาคต่อเนื่องในธุรกิจต่างๆ ที่เกื้อหนุนกัน