เมเจอร์ฯพลิกเกมกระจายเสี่ยง พฤกษาชูกลยุทธ์ยืดหยุ่นต่อกรโควิด

เมเจอร์ฯพลิกเกมกระจายเสี่ยง พฤกษาชูกลยุทธ์ยืดหยุ่นต่อกรโควิด

จากสถานการณ์โควิดที่ยังคงลุกลามขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วทำให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัว “ตั้งรับ” เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจเดินหน้าหนึ่งในนั้นธุรกิจอสังหาฯ

เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์โควิดอาจเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากภาครัฐสามารถบริหารจัดการให้เกิดการกระจายการฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ ทั้งการเปิดให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนและการจัดหาโดยภาครัฐเพิ่มเติม และมีการระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนว่าประเทศไทยจะฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง และเปิดประเทศได้เมื่อไร อย่างไร เพื่อให้ผู้ประกอบการ และประชาชน วางแผนและกลับมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามปกติ นำสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศให้ฟื้นตัว

ทั้งนี้สิ่งที่ภาครัฐควรเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1.เร่งจัดหาและฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด เพื่อให้ประชาชนลดความกังวลกับการเดินทาง และสามารถกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ 2.พิจารณาผ่อนคลายมาตรการแอลทีวีเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคยังมีความสามารถในการเข้าถึงปัจจัย 4 “ที่อยู่อาศัย” ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่กดดัน และ 3.เยียวยาภาคธุรกิจและเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้ขับเคลื่อนต่อไปได้

“ช่วงต้นไตรมาส 2 ภาคอสังหาฯ อาจได้รับแรงกดดันจากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อระลอกใหม่บ้าง แต่หลังจากนั้นผู้บริโภคน่าจะเริ่มคลายความกังวลบ้าง เพราะเกิดการเรียนรู้ถึงวิธีการรับมือกับสถานการณ์แล้ว หลังจากเผชิญการแพร่ระบาดมา 2 ระลอก และเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เมเจอร์ฯ เตรียมมาตรการและโปรโมชั่นออกมาช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดได้ด้วยทางเลือกที่หลากหลายตอบรับความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละราย”

แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่เชื่อว่าผู้บริโภคยังคงมีความต้องการอสังหาฯ ด้วยมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง นับเป็นแรงจูงใจที่ดี อาทิ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำ ลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง บ้าน-คอนโด ราคาไม่เกิน 3 ล้าน เหลือ 0.01% ขณะที่เซ็กเมนต์ตั้งแต่ระดับ Mid-end ไปจนถึงลักชัวรียังคงมีความแข็งแกร่ง ด้วยลูกค้าตลาดบนยังเป็นกลุ่มคนที่มีความต้องการ (Real Demand) ในการซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัย และเป็นเซ็กเมนท์ที่มีภูมิคุ้มกันต่อวิกฤติและเศรษฐกิจในปัจจุบันมากที่สุด สอดรับแนวทางทำตลาดของเมเจอร์ฯ มุ่งเจาะกลุ่มไฮเอนด์ ลักชัวรี เป็นฐานหลัก!

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ตัวเองพึ่งพาธุรกิจประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงให้การดำเนินธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างแข็งแกร่งในทุกสภาพเศรษฐกิจ! บริษัทปรับกลยุทธ์และมุมมองจากเดิมเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สู่การพัฒนา รูปแบบการใช้ชีวิต (Lifescape Developer) โดยขยายสู่กลุ่มธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับอสังหาฯ หรือ Non-real estate business หรือเรียกว่าเป็นธุรกิจที่ยังอยู่บนแกนที่ตอบความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน

ภายในปี 2568 ตั้งเป้าหมายการกระจายพอร์ตไปสู่ธุรกิจที่ไม่ใช่แค่อสังหาฯ ให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 20% เพื่อให้ตัวเองไม่พึ่งพาธุรกิจประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงให้การดำเนินธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างแข็งแกร่งในทุกสภาพเศรษฐกิจ!

สำหรับธุรกิจอสังหาฯ มีการปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 75% โครงการบ้านจัดสรร 25% จากเดิมเน้นการพัฒนาคอนโดเป็นหลัก เพื่อผลักดันโครงการแนวราบออกมาตอบรับความต้องการของตลาดที่เริ่มมองหาบ้านเดี่ยวมากยิ่งขึ้น

ส่วนการรุกธุรกิจที่ไม่ใช่อสังหาฯ ในปีนี้เริ่มต้นด้วยธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ (Healthscape) ซึ่งมองเห็นว่าผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและคุณภาพการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น รวมถึงการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (Techscape)

“ทุกวันนี้เทคโนโลยีรอบตัวเป็นสิ่งสำคัญที่จะมาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ตรงกับความเชื่อหลักของแบรนด์ที่ว่า Crafting Lifescape to Excellence”

ในสิ้นปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทมี Backlog อยู่ที่ 6,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถทำยอดขายและรายได้ตามเป้าหมาย 7,500 ล้านบาท และรายได้ 8,000 ล้านบาทในปีนี้

พฤกษาชี้ฉีดวัคซีนเร็วหนุนเศรษฐกิจ

ปลุกท่องเที่ยว-เคลื่อนย้ายคน

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การตั้งรับของธุรกิจฝ่าวิกฤติโควิดระลอก 3 ของพฤกษา พร้อมเดินหน้าตามเป้าหมายและมีการปรับเปลี่ยนแผนระหว่างทางตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม โดยเน้นความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ(Resilience) ซึ่งจะทำให้เติบโตไปได้ท่ามกลางความผันผวน! และต้องเผชิญกับความเสี่ยงตลอดเวลา

ปัจจัยสำคัญสุดที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาด การฉีดวัคซีน การมีัคซีนที่เพียงพอมีประสิทธิภาพ ไม่มีผลข้างเคียงกระทบความปลอดภัยในชีวิต เพื่อให้ประเทศไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity)

“การฟื้นตัวเศรษฐกิจปีนี้ขึ้นอยู่กับวัคซีน เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าสามารถฉีดวัคซีนได้เร็ว จะทำให้เกิดการท่องเที่ยว เกิดการเคลื่อนย้ายคนได้ตามแผนที่วางไว้ คาดว่า ในไตรมาส3-4 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น”

ประเทศไทยคงไม่สามารถกลับมาล็อกดาวน์ได้เหมือนกับครั้งแรกเพราะจะกระทบกับภาพรวมของเศรษฐกิจรุนแรง ฉะนั้นวาระเร่งด่วนที่รัฐต้องจัดการ คือฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศให้ได้มากที่สุดเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เท่ากับเป็นการลดความเสี่ยงและสร้างความมั่นใจทั้งคนในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามาในประเทศไทย

"เศรษฐกิจจะไปต่อได้ต้องทำการค้าขายได้ตามปกติโดยเร็ว ประเทศจะได้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนเศรษฐกิจมากขึ้นหลังจากที่หยุดชะงักกันมาหลายระลอก”

สำหรับไตรมาส 2 นี้ บริษัทจะทำตลาดโครงการแนวราบเร็วขึ้น โดยเฉพาะ “ทาวน์เฮ้าส์” จากเดิมวางแผนเปิดไตรมาส 4 เนื่องจากดีมานด์แนวราบตอบรับดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์โควิดกระตุ้นให้คนอยากซื้อโครงการแนวราบมากขึ้นจากที่เคยนิยม “คอนโด” โดยเฉพาะโซนตะวันออกย่านสุวรรณภูมิ อาทิ โครงการบ้านพฤกษา พาทิโอ เดอะคอนเนค เจาะกลุ่มรายได้ตั้งแต่ 30,000-100,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นพนักงานประจำ ล่าสุดเปิดทาวน์เฮ้าส์ราคากว่า 10 ล้านบาท ย่านรัชโยธิน ขายได้ราว 200 ล้านบาท คาดไตรมาส 2 เติบโตถึง 30% ส่วนไตรมาส 3-4 เตรียมเปิดคอนโดใหม่ ซึ่งต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีการเปิดตัวโครงการบ้านหลายแห่งมีการตอบรับจากลูกค้าแต่ละทำเลเป็นอย่างดี สะท้อนถึงดีมานด์ที่อยู่อาศัยมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ บ้านพฤกษา รังสิต อเวนิว และบ้านพฤกษา ลาดกระบัง ฉลองกรุง ทั้ง 2 โครงการทำยอดขายสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 200% และ 118% ตามลำดับ พร้อมเปิดทาวน์โฮมระดับลักชัวรี “พาทิโอ รัชโยธิน” ขยายฐานลูกค้าระดับบน