HTC - ถือ

HTC - ถือ

SG&A ลดช่วยหนุนกำไร

คาดกำไร 1Q21F เติบโต 29% yoy สู่ 155 ลบ. หนุนโดยอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นที่ 41.0% (เทียบกับ 39.7% ใน 1Q20) รวมถึงค่าใช้จ่ายบริหารและการขายลดลง แต่เราคาดว่ากำไร 2Q21F มีแนวโน้มลดลง yoy เนื่องจากไม่มีส่วนลดจาก  Suppliers และคู่ค้าที่บริษัทได้รับในช่วง 2Q20 ในช่วงการระบาดของ COVID-19 รอบแรก เราปรับคาดการณ์กำไร FY21F และ FY22F ลง 10% และ 6% สู่ 623 ลบ. และ 724 ลบ. ตามลำดับและปรับคำแนะนำเป็น ถือ พร้อมปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 40.3 บาทต่อหุ้น (จากเดิม 45.0 บาท)

 

คาดกำไร 1Q21F เติบโต 29% yoy สู่ 155 ลบ.

จากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมลดลง 16% ในเดือน ม.ค. - ก.พ. สู่ 418.4 ล้านลิตร ทำให้เราคาดว่ารายได้บริษัทช่วง 1Q21F จะลดลง 8% yoy แต่ +8% qoq สู่ 1.6 พันลบ. เป็นผลมาจากปริมาณขายที่ลดลงใน 1Q21F อย่างไรก็ตามกำไรจะเติบโต yoy หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นที่ 41.0% (เทียบกับ 39.7% ใน 1Q20) เป็นผลจากโครงสร้างต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น (ย้ายฐานการผลิตหลักสู่ อ.พุนพิน) รวมถึงต้นทุนการบริหารที่ลดลงเนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ 1Q20

 

คาดกำไร 2Q21F อาจลดลง yoy

แม้ความต้องการมีแนวโน้มจะลดลงใน 2Q ผลจาก (1) การระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 และ (2) อากาศที่เย็นลง แต่เราคาดปริมาณขายใน 2Q21F จะทรงตัว yoy เป็นผลจากฐานที่ต่ำในเดือน เม.ษ. 2020 จากการปิดเมืองเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไร 2Q21F อาจลดลง yoy เนื่องจากไม่มีส่วนลดจาก  Suppliers และคู่ค้าที่บริษัทได้รับในช่วง 2Q20 ในช่วงการระบาดของ COVID-19 รอบแรกราว 50 ลบ.

 

ปรับคำแนะนำลงสู่ ถือ ปรับราคาเป้าหมายลงสู่ 40.3บาทต่อหุ้น (จาก 45.0บาท)

จากปริมาณขายที่คาดว่าจะลดลง 8% ใน 1Q21 เทียบกับสมมติฐานของเราว่าจะการเติบโต 10% เราจึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี FY21F และ FY22F ลง 10% และ 6% สู่ 623 ลบ. และ 724 ลบ. ตามลำดับหลังลดสมมติฐานปริมาณขาย พร้อมและปรับราคาเป้าหมายลงสู่ 40.3 บาทต่อหุ้น เทียบเท่า 13x FY21F EPS