'วินเนอร์ยี่ เมดิคอล' น้องใหม่ไอพีโอ ! จ่อระดมทุน 11 พ.ค.นี้ ราคาหุ้นละ 3.10 บาท 'นันทิยะ ดารกานนท์' นายใหญ่ โชว์ 'จุดขาย' ธุรกิจอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรม 'ดาวเด่น' ยุคคนรักสุขภาพ เล็งเซอร์ไพร์สส่งสินค้า 'S-Curve' ตัวใหม่บุกตลาดปีนี้
กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง... เมื่อความ 'โดดเด่น' ดังกล่าว ! กำลังส่งผลบวกต่อ บมจ. วินเนอร์ยี่ เมดิคอล หรือ WINMED หุ้นน้องใหม่ไอพีโอ จำนวน 120 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 3.10 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่าเสนอขาย 372 ล้านบาท โดยเข้าซื้อขาย (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 11 พ.ค. 2564
WINMED ประกอบธุรกิจเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายชุดตรวจเพื่อการวิเคราะห์ วินิจฉัย และ/หรือบำบัดรักษา รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง และจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อการเก็บรักษาโลหิตและผลิตภัณฑ์ของโลหิต เพื่อการวิเคราะห์ วินิจฉัย และ/หรือ บำบัดรักษาโรค
เป็นตัวแทนนำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำในต่างประเทศ อีกทั้งเป็นตัวแทนของบริษัทผู้ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้านพันธุศาสตร์จากต่างประเทศ สำหรับการให้บริการตรวจสารพันธุกรรมและความผิดปกติของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังมีบริษัทย่อยประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับสุขภาพและสุขอนามัย อาทิ เครื่องดักจับยุงและแมลงดูดเลือด และชุดกำจัด/จัดการสารเคมีและชีวภาพหกปนเปื้อน
'บริษัทมีประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจมากกว่า 24 ปี ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งธุรกิจของบริษัทถือว่าเป็นธุรกิจเฉพาะทางที่มีความจำเป็นในทางการแพทย์ และมีโอกาสที่จะเติบโตในทิศทางที่ดี'
'นันทิยะ ดารกานนท์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ WINMED เล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังว่า การนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น จะไม่ได้ประโยชน์เพียงแค่มีช่องทางการหาเงินทุนมากขึ้น แต่จะได้เรื่องหน้าตา และความน่าเชื่อถือเต็มๆ มาตรฐานของบริษัทจะถูกยกระดับขึ้นทันที และสามารถรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
สะท้อนผ่าน 'จุดเด่น' ที่เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง ที่ต้องอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในผลิตภัณฑ์ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ThinPrep) เป็นอันดับ 1 ในประเทศ และยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ Blood Bank และ Blood Safety
สำหรับเงินระดมทุนครั้งนี้... เขาบอกว่า นำไป 'ปลดล็อก' เพื่อสร้างการเติบโตธุรกิจ บ่งชี้ผ่านโครงการลงทุน 3 ปี (2564-2566) คือ 'โครงการลงทุนก่อสร้างห้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ผ่านชุดเก็บเซลล์ผิดปกติที่ปากมดลูก จากช่องคลอดด้วยตนเอง' (Self Collect) ประมาณ 17-22 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2564
โดยบริษัทยังจะมุ่งเน้นที่การต่อยอดการให้บริการผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์และก้าวขึ้นเป็นผู้นำ ซึ่งมีแผนดำเนินการผ่านโครงการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์การเก็บตัวอย่างเพื่อหาเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก หรือ HPV Self-Collect Vaginal Sampling ที่ผู้หญิงสามารถเก็บตัวอย่างได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ถือเป็นการต่อยอดการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย รวมถึงสร้างห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ เพื่อให้บริการการตรวจวิเคราะห์เชื้อในระดับชีวโมเลกุลอัตโนมัติ
และถัดมาเป็น 'โครงการลงทุนก่อสร้างห้องปฏิบัติการที่ครอบคลุมด้านการเตรียมผลิตภัณฑ์เซลล์เพื่อการรักษาด้วยวิธีเซลล์บำบัด' (Cell Therapy) ประมาณ 65-80 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ไตรมาส 1 ปี 2565 ซึ่งเป็นวิธีการรักษาโรงมะเร็งต่าง ๆ ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่นมานานกว่า 5 ปี โดยในประเทศไทยได้นำมาเริ่มใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ตั้งแต่ปี 2563
อีก 200 ล้านบาท ชำระคืนหนี้ซึ่งจะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดต่ำกว่า 0.6เท่า ส่วนอีก 40 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ
ปัจจุบันแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่ม คือ '1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์' คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 95% ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสตรี (WOMEN HEALTH CARE) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับการตรวจหาเชื้อมะเร็งปากมดลูก และ ผลิตภัณฑ์กลุ่มเวชศาสตร์มารดาและทารก
ขณะที่ ผลิตภัณฑ์ธนาคารโลหิต ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในการแยกส่วนประกอบของโลหิต และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงานธนาคารโลหิต ผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของโลหิต ผลิตภัณฑ์สำหรับการหาสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคต่างๆ และสำหรับการยับยั้งเชื้อจุลชีพ ในโลหิตของผู้บริจาคโลหิต ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเซลล์บำบัด (CELL THERAPY) บริการด้านการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาการสมัยใหม่ ด้านการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells)
และ '2.กลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น' ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการสรรหาผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ อาทิ เครื่องตรวจคัดกรองผู้ป่วยอัตโนมัติ เครื่องบริหารกล้ามเนื้ออุ้มเชิงกราน ผลิตภัณฑ์กำจัดพาหะเชื้อ อาทิ เครื่องดักจับยุงและแมลงดูดเลือดอื่นๆ (จำหน่ายในนาม AND) ผลิตภัณฑ์ควบคุมการติดเชื้อ : เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ได้แก่ ชุดกำจัด/จัดการสารเคมีและสารชีวภาพหกปนเปื้อน
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่คาดว่าจะเป็น 'ธุรกิจเป้าหมาย' (S-Curve) ตัวใหม่ในอนาคต โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปีนี้ โดยสินค้าใหม่ที่จะเป็น S-Curve คาดว่าจะมีทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจของบริษัท
'สินค้าที่เป็น S-Curve ตัวใหม่จะมีออกสู่ตลาดอีกเยอะ ซึ่งตามแผนธุรกิจของเราจะมีสินค้าประเภทดังกล่าว ทั้งในส่วนที่เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และกลุ่มผลิภัณฑ์อื่นๆ โดยคาดว่าจะสร้างการเติบโตที่ดีในอนาคต'
สุดท้าย 'นันทิยะ' ทิ้งท้ายไว้ว่า ด้วยประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจมากกว่า 24 ปี ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยธุรกิจของบริษัทถือว่าเป็นธุรกิจเฉพาะทางที่มีความจำเป็นในทางการแพทย์ และมีโอกาสที่จะเติบโตในทิศทางที่ดี