TIDLOR ปูพรม 1,500 สาขา ปั้นรายได้เติบโต 15-20% ต่อปี
“เงินติดล้อ” เทรดวันแรกเหนือจอง 25% พร้อมตั้งเป้ารายได้ 3 ปี (64-66)โต 15-20%ปี -มีสาขาแตะ 1,500 แห่งทั่วประเทศ ยอมรับโควิดรอบนี้กดดันเอ็นพีแอลขยับขึ้นแต่เชื่อยังต่ำกว่า 2%
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวานนี้ (10 พ.ค.) โดยราคาเปิดอยู่ที่ 53.50 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 17.00 บาท หรือ 46.57% จากราคาจองซื้อ 36.50 บาทต่อหุ้น โดยระหว่างวันราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 55.50 บาท และต่ำสุดที่ 45.25 บาท ก่อนปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 9.25 บาท หรือ 25.34% มูลค่าซื้อขาย 33,265.87 ล้านบาท
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR เปิดเผยว่า การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมรับการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการดำเนินงานระยะ 3 ปี (2564-2566) รายได้เติบโตปีละ 15-20% ซึ่งปี 2563 บริษัทมีรายได้ 10,558.86 ล้านบาท และขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,500 สาขา จาก ณ สิ้นปี 2563 ที่มีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 1,076 สาขา
สำหรับปี 2564 คาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย เนื่องจาก เปิดสาขาใหม่ 200 แห่ง งบลงทุนประมาณ 4-7 แสนบาทต่อสาขา รวมถึงธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท คาดว่ารายได้จะเติบโตสูงราว 40% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยงบลงทุนในปีนี้อยู่ที่ 350-410 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนเทคโนโลยี 270 ล้านบาท และงบลงทุนสาขาใหม่ 80-140 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง โดยคาดว่าอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อหนี้สินรวม (NPL Ratio) จะปรับขึ้นเล็กน้อย แต่คาดว่าทั้งปีจะยังต่ำกว่า 2% จากต้นปีที่ 1% ต้นๆ เพราะสถานการณ์การระบาดไม่รุนแรงเท่าระลอกแรก อีกทั้งบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้ไว้สูงพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในอนาคต
“ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเหนือจองสะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นกับบริษัท โดยทีมผู้บริการและพนักงานสามารถให้ความมั่นใจกับนักลงทุนได้ว่า TIDLOR จะเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นแข็งแกร่ง และเป็นบริษัทที่มีกลยุทธ์การเติบโตชัดเจนในอนาคต”
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า TIDLOR จะเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ในช่วงต้นปี 2565 ตามเกณฑ์คำนวณ่หลักทรัพย์ใหม่ที่ต้องซื้อขายอย่างน้อย 6 เดือน ไม่ได้เข้าคำนวณด้วยเกณฑ์พิเศษ (Fast Track)