'กองทุน'ปรับพอร์ตรับมือ'เงินเฟ้อ' เชื่อกระทบระยะสั้น เป็นจังหวะช้อนหุ้น
“กองทุน” ชี้เงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง ปัจจัยกดดันหุ้นโลก-ไทย ปรับฐานช่วงสั้น 1-2 เดือน ด้าน “บลจ.ไทยพาณิชย์” ลดพอร์ตหุ้นกลุ่มเสี่ยง “คอมมูนิตี้-เทคโนโลยี-วัฏจักร” พร้อมแนะเป็นโอกาสสะสม “กลุ่มบิ๊กแคป” พลังงาน-ปิโตรเคมี ราคาไม่แพง-พื้นฐานดี
จากสถานการณ์เงินเฟ้อสหรัฐเดือนเม.ย.ที่ 4.2% มากว่าตัวเลขที่ตลาดคาดการณ์ที่ 3.6% ถือเป็นการเร่งตัวค่อนข้างเร็วจากเงินเฟ้อเดือนมี.ค.ที่ 2.6% แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะพยายามส่งสัญญาณเงินเฟ้ออาจจะเร่งตัวมากกว่าปกติจากฐานที่ต่ำในปีก่อน (Transitory inflation) แต่จะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว แต่การเร่งขึ้นของเงินเฟ้อจะสร้างกดดันต่อการปรับพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงของกองทุน
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ยังคงมุมมองต่อการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐรอบนี้มีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทยแค่ในระยะสั้น หรือชั่วคราว ทำให้ตลาดพักฐานลงมาบ้าง และต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐระยะข้างหน้าจะส่งผ่านไปยังราคาสินค้าผู้บริโภคปรับขึ้นด้วยหรือไม่
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นระยะสั้นช่วงตลาดพักฐาน แนะปรับพอร์ต ลดหุ้นกลุ่มเสี่ยงเงินเฟ้อสหรัฐ เช่น กลุ่มคอมมูนิตี้ เทคโนโลยี วัฏจักร ที่ราคาขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ โดยทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่มองเป็นโอกาสทยอยสะสม “กลุ่มบิ๊กแคป” อย่าง “กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี” ที่ราคายังไม่สูงและมีสภาพคล่องที่ดี รวมทั้งเลือกลงทุนหุ้นรายตัวพื้นฐานดี เป็นธุรกิจที่มีการเติบโต เน้นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วจากการกระจายวัคซีนได้ครอบคลุมและเริ่มเปิดเมืองได้แล้ว
ส่วนระยะยาวหากปัจจัยในประเทศทั้งการฉีดวัคซีนและเปิดประเทศชัดเจน มองกลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม สายการบิน เฮลธ์แคร์ หรือแม้แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และคอมมูนิตี้ เติบโตระยะยาวตามเมกะเทรนด์โลก หากตลาดย่อเป็นโอกาสสะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต
“แนะนักลงทุนสามารถเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นจากเป้าหมายระยะยาวของพอร์ตลงทุนส่วนบุคคลหรือกระจายการลงทุนในกองหุ้นไทยและหุ้นทั่วโลก ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ 1,600-1,620 จุด จับตาการกระจายวัคซีนในไทยช่วงกลางปีนี้”
นายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 เดือนนี้คาดเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ระดับสูงและมีแรงขายหุ้นตามฤดูกาล (Sell in May) เป็นปัจจัยกดดันหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทยระยะสั้น แต่ปีนี้คาดเฟดจะไม่พิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในทันที ซึ่งการปรับลดคิวอีน่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้
ดังนั้น กลยุทธ์ระยะสั้นลดผลกระทบจากเงินเฟ้อสหรัฐ ยังถือพอร์ตข้ามความผันผวนดังกล่าวไป เพราะการซื้อๆขายๆอาจทำให้หลุดรอดโอกาสได้ และเน้นถือเงินสด รอจังหวะหุ้นไทยปรับฐานเข้าสะสมระยะยาว ในหุ้นที่ราคาปรับลงมาแรง เช่น หุ้นกลุ่มวัฏจักร รับประโยชน์ธีมวัคซีนและเปิดเมือง ยังคงเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,600 จุด หากครึ่งหลังเปิดเมืองไทยมีโอกาสทะลุเป้าเช่นกัน
แต่ลงทุนระยะยาวปีนี้ เน้นหุ้นต่างประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐ เช่น ธีมเปิดเมือง ธีมวัคซีน ธีมเมกะเทรนด์โลก เช่น เทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ ไบโอเทค ธีมกระแสพลังงานสะอาดและ ธีมอีเอสจี ยังน่าสนใจและมีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยดังกล่าวในระยะสั้นกระทบเชิงเซนทริเม้นต์ต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และหุ้นไทย ดังนั้นระยะสั้นที่ตลาดยังมีความผันผวนสูง ทั้งความกังวลการปรับลดขนาดคิวอี การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกสามไทย ทำให้การเปิดประเทศและฟื้นตัวเศษฐกิจไทยมีความล่าช้าออกไป
ด้านกลยุทธ์ลงทุนปรับพอร์ตลงทุนเป็น “คัดเลือกหุ้น” (Selective Approach) ให้ความสำคัญประเมินมูลค่า คุณภาพ การเติบโตกำไร ธีมลงทุนและกลุ่มหุ้นที่ยังน่าสนใจ ได้แก่ หุ้นได้ประโยชน์เปิดประเทศและฟื้นตัวเศรษฐกิจ หุ้นเติบโตเชิงคุณภาพ รวมถึงหุ้นกลุ่มแบงก์ พลังงาน ปิโตรเคมี โรงแรม เฮลธ์แคร์ คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และไฟแนนซ์ โดยมีการปรับพอร์ตบ้างในกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบเงินเฟ้อสหรัฐ
“หุ้นยังคงน่าสนใจกว่าตราสารหนี้ท่ามกลางดอกเบี้ยระดับต่ำและสภาพคล่องสูง แม้ตลาดมีความผันผวนที่สูงขึ้นจากความกังวลที่เฟดจะเริ่มลดระดับการทำคิวอีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดจะยังไม่เกิดขึ้นภายในปีนี้ คงมุมมองดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,650 จุด จับตาประสิทธิคุมการระบาดโควิด-19 การฉีดวัคซีนระดับภูมิคุ้มกันหมู่ ส่งผลต่อการเปิดประเทศต่อไป”