โควิด-19 ทุบยอดขาย “อิชิตัน-เซ็ปเป้” “ซีวิท” พระเอก หนุน “โอสถสภา” โต  

โควิด-19 ทุบยอดขาย “อิชิตัน-เซ็ปเป้”  “ซีวิท” พระเอก หนุน “โอสถสภา” โต  

บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯทยอยรายงานผลประกอบการออกมาเป็นลำดับ มีทั้งธุรกิจ “ฝ่าวิกฤติ” สร้างการเติบโตได้ แต่มีจำนวนไม่น้อย “ยอดขาย” และ “กำไร” ปรับตัวลดลง เพราะยังได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ระบาด อำนาจซื้อผู้บริโภคหายไป 

ฤดูร้อนถือเป็นไฮซีซันของสินค้าหลายรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องดื่มเพราะซัมเมอร์ สภาพอากาศร้อนระอุ ทำให้การดื่มเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ได้รับอานิสงส์ ผู้บิรโภคดื่มเพื่อดับกระหาย เพิ่มความสดชื่น และเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย แต่หลายหมวดต้องอาศัยพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนอกบ้านของกลุ่มเป้าหมาย การทำกิจกรรมต่างๆ จึงมีผลต่อยอดขาย

ทั้งนี้ โรคระบาดที่ยังเกิดขึ้นเป็นระลอก ทำให้รัฐใช้มาตรการต่างๆ ทำให้ประชาชนต้องอยู่บ้าน ทำงานที่บ้านมากขึ้น หลายบริษัทจึงต้องปรับแผนขายเครื่องดื่มยกลังให้มีติดตู้เย็นที่บ้าน 

ตลาดเครื่องดื่มทุกหมวดมีมูลค่าหลักแสนล้านบาททั้งน้ำดื่ม น้ำอัดลม ชาพร้อมดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเสริมสุขภาพหรือฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์ ซึ่งมีบิ๊กแบรนด์ทำตลาด ส่วนสถานการณ์ไตรมาส 1 ผลประกอบการออกมาอย่างไร ติดตาม 

++อิชิตัน กำไรลด 

ปรับตัวกันหลายกระบวนท่า สำหรับบมจ.อิชิตัน กรุ๊ป ของ เสี่ยตัน ภาสกรนทีเพราะปีที่ผ่านมาโควิดเล่นงานธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ จากกิจการที่พึ่งพาชาเขียวพร้อมดื่มเริ่มหันมาให้ความสำคัญเครื่องดื่มที่ไม่ใช่ชาหรือ Non-Tea มากขึ้น และขยายไปถึงธุรกิจที่ไม่ใช่เครื่องดื่ม หรือ Non-Drink 

162104555643

ไตรมาส 1 อิชิตัน มีรายได้จากการขาย  1,287.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% เท่านั้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยอดขาในประเทศขยายตัว 19% จากเครื่องดื่มวิตามิน ชาพร้อมดื่ม แต่ยอดขายต่างประเทศหดตัวรุนแรง 50.3% เพราะประเทศคู่ค้ายังเผชิญโควิด-19 ระบาดไม่ต่างจากไทย 

ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 1 อยู่ที่ 121.6 ล้านบาท ลดลง 23.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เมื่อไตรมาสแรกออกสตาร์ทด้วยตัวเลขหดตัวและโรคระบาดยังอยู่กับประเทศไทย ทำให้ทั้งปี 2564 ยังเป็นอีกปีที่ท้าทายสำหรับภาคธุรกิจ ในการวางกลยุทธ์เพื่อประคองกิจการให้อยู่รอด และเติบโตได้ 

++เซ็ปเป้ ยอดขายหดตัว แต่กำไรโต 2.5%   

ธุรกิจแม้ยอดขายจะเติบโต แต่หากบรรทัดสุดท้ายหรือกำไรไม่มี ไปจนถึงขาดทุนย่อมไม่ดีต่อผู้ถือหุ้น และบริษัทเป็นแน่เซ็ปเป้อีกบิ๊กเครื่องดื่มที่ไตรมาส 1 ทำผลงานยอดขายอาจไม่เข้าตากรรมการ แต่กำไรยังอยู่ในเกณฑ์ที่เติบโตแม้จะบางมากก็ดีกว่าไม่โตเลย 

162104544313

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เผยตัวเลขกำไรไตรมาส 1 ของบริษัทอยู่ที่ 85 ล้านบาท โต 2.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน การเติบโตเกิดจากการปรับตัว พลิกกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดเครื่องดื่มที่ชะลอตัวจากสถาการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริการจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนดีกว่าขึ้น 

สำหรับยอดขายไตรมาสแรกทำได้ 772.6 ล้านบาท ลดลง 8.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งยอดขายได้รับผลกระทบจากตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ล่าสุดบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของทั้ง 2 ตลาดในไตรมาส 2 ของเครื่องดื่มบางหมวดหมู่ หลังทั่วโลกเริ่มฉีดวัคซีน และมีความหวังว่าตลาดต่างประเทศจะฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ

               ช่วง 9 เดือนที่เหลือ บริษัทมุ่งมั่นรักษาการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งค์ โดยเตรียมออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 รายการ(SKUs) มุ่งเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลีกจากเดิม 2,000 จุด เป็น 8,000 จุด ลุยสินค้าเกี่ยวกับพืชกัญชา-กัญชง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขออนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หลังจากซุ่มคิดค้นและพัฒนาสูตรสินค้าไว้เรียบร้อยแล้ว

++โอสถสภา โกยกำไร 1,004 ล้านบาท ทำนิวไฮ

ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาด โอสถสภาสามารถสร้างผลงานได้โดดเด่นทั้งด้านยอดขายและกำไรและยังสร้างสถิติสุงสุดหรือNew-High นับตั้งแต่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย 

162104550723

ธนา ไชยประสิทธิ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ฉายภาพว่า ธุรกิจยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค แต่โอสถสภาพ มีควาามยืดหยุ่น และปรับตัวให้สอดคล้องบสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm ส่งผลให้ตรมาส 1 บริษัท สร้างรายได้รวม 7,122 ล้านบาท เติบโต 3.15 เทียบช่วงเดียวกันปีก่อร ส่วนรายได้จากการขายสินค้าอยูที่  6,776 ล้านบาท แต่กำไรสุทธิทำนิวไฮที่  1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 

นอกจากการบริหารจัดการที่ดี ความแข็งแกร่งของแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ ยังส่งผลต่อการเติบโต การมีสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภครักสุขภาพอย่างเครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ ซีวิทยังเป็นพระเอกในการผลักดันยอดขายด้วย 

ทั้งนี้ หากดูพอร์ตสินค้า เครื่องดื่มชูกำลังที่เป็นพอร์ตใหญ่ และมีเบอร์ 1 อย่างเอ็ม-150” และแบรนด์รองอีกมากมาย ยังรวมพลังกันสร้างการเติบโต โดยเฉพาะส่วนแบ่งทางการตลาดหรือ Market share เพิ่มขึ้น 0.9% ทำให้ส่วนแบ่งตลาดรวมอยู่ที่ 54.9% เฉพาะเอ็ม-150” เพิ่มขึ้น 0.8% สวนทางตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไตรมาส 1 หดตัว ส่วน ซีวิทยังรักษาการเป็นผู้นำตลาดได้เช่นกัน ครองส่วนแบ่งตลาด 34.9% จากการขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 

++ส่งซีวิทขนาด 1 ลิตร 

รับ New-Normal ทำงาน-อยู่บ้าน  

เพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบโต ในไตรมาส 2 การออกอาวุธตลาดยังทำต่อเนื่อง โดยมุ่งใช้จุดแข็งด้านแบรนด์พอร์ตโฟลิโอมาช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ เน้นทำตลาดที่ตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคในช่วงการระบาดของโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพและอยู่บ้านมากขึ้น เช่น ออกเครื่องดื่มซีวิทบรรจุภัณฑ์ใหม่ขนาด 1 ลิตร

นอกจากนี้ บริษัทเน้นสร้างความร่วมมือทางธุรกิจใหม่กับพันธมิตรต่างๆ  เพื่อผลักดันการเติบโตและสร้างธุรกิจในอนาคต เช่น การผนึกยันฮี วิตามิน วอเตอร์ขยายตลาดเครื่องดื่มวิตามิน ตอบโจทย์กระแสการดูแลใส่ใจสุขภาพ ความร่วมมือกับยันฮียังมีต่อเนื่อง โดยบริษัทจะพัฒนาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสมุนไพร รวมถึงสารสกัดจากกัญชา กัญชง (CBD)

บริษัทยังสร้างปรากฏการณ์ตลาดรวมผู้นำจาก 2 วงการแต่มีจุดเชื่อมโยงคือกลุ่มเป้าหมายเดียวกันอย่างเอ็ม-150Xปูนตราเสือลุยแคมเปญฮึดสู้อย่างเสือ หัวใจเกินร้อยส่งเครื่องดื่ม เอ็ม-150 กระชายดำผสมน้ำผึ้ง X ปูนตราเสือ รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น พร้อมของพรีเมียมที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ เจาะกลุ่มช่าง ผู้รับเหมา ร่วมมือกับเคอรี่ เอ็กซ์เพรสเพื่อส่งเครื่องดื่มถึงมือผู้บริโภค เป็นต้น 

บริษัทนำจุดแข็งของโอสถสภาและพันธมิตรมาสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการด้านใหม่แก่ผู้บริโภคและขยายไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต” 

ส่วนสินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคลหรือ Personal Care ซึ่งบริษัทหมายมั่นปั้นพอร์ตโฟลิโอให้ใหญ่ขึ้น ผลการดำเนินงานไตรมาสแรก อาจไม่สวยหรูนัก โดยทำรายได้รวมที่  500 ล้านบาท ลดลง 18.9%