กกพ.จับตาโซลาร์ประชาชน คาดยื่นสมัครต่ำเป้าหมาย

 กกพ.จับตาโซลาร์ประชาชน  คาดยื่นสมัครต่ำเป้าหมาย

กกพ.เกาะติดโซลาร์ภาคประชาชนปี2564 หลังเพิ่มอัตรารับซื้อไฟฟ้าเป็น 2.20 บาทต่อหน่วย พบยื่นสมัครน้อย เหตุกำหนดติดตั้งไม่เกิน 5 กิโลวัตต์ต่อหลัง คาดยังต่ำกว่าเป้า 50 เมกะวัตต์

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงาน กกพ.) และในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ “โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย พ.ศ. 2564” หรือ โซลาร์ภาคประชาชน ที่มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการฯใหม่ และได้เปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2564 เป็นต้นไป เบื้องต้น คาดว่า จะมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 50 เมกะวัตต์(MW) ในปีนี้

 

แม้ว่าโครงการฯในรอบนี้ จะปรับราคารับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเป็น 2.20 บาทต่อหน่วย จากโครงการรอบแรก อัตรารับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินเข้าระบบ อยู่ที่ 1.68 บาทต่อหน่วย เนื่องจากประชาชนยังต้องพิจารณาความคุ้มค่าในหลายด้าน เช่น จะต้องเป็นกลุ่มบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมากในช่วงกลางวันถึงจะคุ้มค่า อีกทั้งโครงการฯยังมีข้อจำกัดเรื่องของข้อกำหนดให้ปริมาณติดตั้งได้ไม่เกิน 5 กิโลวัตต์ต่อหลัง

“โครงการโซลาร์ภาคประชาชน แม้จะมีผู้ร่วมโครงการมาก แต่ปริมาณไฟฟ้าของบ้านเรือนแต่ละหลังไม่มาก ฉะนั้น การสมัครเข้าร่วมโครงการก็ยังต่ำกว่าเป้าหมาย และน่าจะใกล้เคียงกับโครงการในรอบแรก ประมาณ 3 เมกะวัตตต์ ”

 

อย่างไรก็ตาม กกพ.ยังคงติดตามผลโครงการฯในรอบนี้ อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมสรุปผลและรายงานต่อกระทรวงพลังงานต่อไป เนื่องจากโครงการนี้ ยังถือเป็นโครงการนำร่องหลังปรับปรุงหลักเกณฑ์ฯใหม่ ดังนั้น เมื่อข้อมูลต่างๆครบถ้วนแล้วหลังสิ้นสุดโครงการในปี2564 แล้ว ก็คาดว่า ทางภาคนโยบายจะประเมินสถานการณ์ก่อนวางแผนนโยบายในอนาคตต่อไป

 

ก่อนหน้านี้ กกพ.ระบุว่า ว่า ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ยอมรับว่า ประชาชนยังไม่กล้าตัดสินใจในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพราะยังไม่มั่นใจเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุน ประกอบกับเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จึงไม่มั่นใจฐานะการเงินในอนาคต เห็นได้จากที่ผ่านมามีการติดต่อสอบถามข้อมูลเข้ามาทาง กกพ. ต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ ณ วันที่ 1 มิ.ย. 2564 มีผู้ในใจเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ปี 2564 รวม 210 ราย ปริมาณไฟฟ้ารวมประมาณ 2.162 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น การสมัครเข้าผ่านมายังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และได้รับคัดเลือกแล้ว 73 ราย รวมปริมาณไฟฟ้า 399.36 กิโลวัตต์ (หรือ 0.399 เมกะวัตต์ ) จากโควตารวม 35 เมกะวัตต์ ขณะที่ การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) ผู้สมัครทั้งสิ้น 137 ราย รวมไฟฟ้า 1,763 กิโลวัตต์(หรือ 1.736 เมกะวัตต์) จากโควตารวม 15 เมกะวัตต์

 

และหากรวมโครงการโซลาร์รูฟท็อปตั้งแต่ปี 2562 ถึง ปัจจุบันปี 2564 มีผู้ร่วมโครงการรวม 1,683 ราย กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 9,018 กิโลวัตต์ (9.018 เมกะวัตต์) แบ่งเป็น สมัครผ่าน PEA จำนวน 500ราย กำลังผลิตรวม 2,582.69 กิโลวัตต์(2.582 เมกะวัตต์) และสมัครผ่านทาง กฟน. รวม 1,183 ราย รวมไฟฟ้า 6,436 กิโลวัตต์(6.436 เมกะวัตต์ )

 

สำหรับโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ปี 2564 ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2563 ที่กำหนดให้เปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ภาคประชาชน 50 เมกะวัตต์ สำหรับบ้านอยู่อาศัย ขนาดกำลังผลิตติดตั้งไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ โดยปรับราคารับซื้อไฟฟ้า จาก 1.68 บาทต่อหน่วย เป็น 2.20 บาทต่อหน่วยระยะเวลา 10 ปีแล้ว กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ภายในปี 2564 เท่านั้น รวมถึงให้มีผลกับทั้งกลุ่มครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ปี 2562 และผู้สมัครเข้าร่วมโครงการใหม่ ซึ่งเป็นไปตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2563 แล้ว