คนไทยรอเที่ยวต่างประเทศ! ‘ทีทีเอเอ’ลุ้นไฮซีซันตลาด 4 แสนล้านฟื้น
ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ตลาด “คนไทยเที่ยวต่างประเทศ” กำลังบูมสุดขีด! สายการบินต่างๆ แห่เปิดจุดบินใหม่และเพิ่มความถี่เที่ยวบินสู่ต่างประเทศมากขึ้น ออกโปรโมชั่นราคาตั๋วบินยั่วความต้องการของขาเที่ยว ทั้งยังได้อานิสงส์จากการแข็งค่าของเงินบาท
ส่งผลให้ตลอดปี 2562 มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศแตะ 12 ล้านคน จุดประสงค์คือเปลี่ยนบรรยากาศในการท่องเที่ยว ต้องการความเป็นส่วนตัว และนิยมชอปปิง โดยก่อนหน้านี้รายงานของทีเอ็มบีธนชาตระบุว่ารายได้ของตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศในปีปกติอยู่ที่ 4.4 แสนล้านบาท และคาดว่าปี 2563 จะหดตัวเหลือเพียง 1 แสนล้านบาท เพราะโควิด-19 เป็นเหตุ จนเกิดข้อจำกัดของการเดินทางระหว่างประเทศ
สุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทนำเที่ยวทำตลาดทัวร์เอาต์บาวด์ พาคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ เปิดเผยว่า สมาคมฯคาดว่าตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่คนไทยมากขึ้น และประเทศไทยมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มฉีดวัคซีนครบโดสมาเที่ยวไทยแบบไม่กักตัวสู่ 10 พื้นที่นำร่องรวมกรุงเทพฯ ทำให้สายการบินต่างๆ น่าจะเริ่มกลับมาให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางบินจากกรุงเทพฯสู่จุดหมายต่างๆ เนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่นิยมขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองมากกว่า
“มองว่าตลาดทัวร์เอาต์บาวด์น่าจะเริ่มขยับได้ในช่วงไตรมาส 4 หรือตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป หลังจากคนไทยบางกลุ่มรู้สึกอัดอั้น หลังไม่ได้เที่ยวต่างประเทศมานานเป็นปี โดยเฉพาะตลาดระดับกลาง-บนขึ้นไป ส่วนตลาดระดับกลาง สมาคมฯประเมินว่าอาจจะไม่ขยับมากนัก เพราะติดขัดเรื่องกำลังซื้อที่ต้องสำรองเงินไว้ใช้จ่ายเรื่องทั่วไปมากกว่าจะนำมาใช้จ่ายท่องเที่ยวต่างประเทศ”
ส่วนจุดหมายปลายทางที่คาดว่าน่าจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยในไตรมาส 4 นี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเอเชีย อาทิ ฮ่องกง น่าจะเป็นจุดหมายแรกๆ ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวไทย เนื่องจากมีสายการบินเริ่มให้บริการจากไทยสู่ฮ่องกงมากขึ้น เช่น ไทยสมายล์ จะให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-ฮ่องกง ทำการบิน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มวันที่ 2 ก.ค.นี้ ขณะที่คาเธ่ย์ แปซิฟิก เตรียมให้บริการเส้นทางบิน ภูเก็ต-ฮ่องกง เริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ซึ่งอยู่ระหว่างรอการยืนยัน ส่วนอีกจุดหมายที่น่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยเช่นกันคือเวียดนาม
ขณะที่เกาหลีใต้ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว แม้ขณะนี้จะมีประกาศล็อกดาวน์ในช่วงสั้นๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ก่อนหน้านี้ทางการเกาหลีใต้ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแบบไม่กักตัว สมาคมฯจึงประเมินว่าน่าจะเป็นจุดหมายที่มาแรงอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวไทยในช่วงปลายปีนี้
“ส่วนญี่ปุ่นเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวไทยอยากไปเยือนจำนวนมาก แต่ยังต้องรอความชัดเจนด้านนโยบายของทางการญี่ปุ่นก่อน”
ด้านจุดหมายปลายทางในยุโรป คาดว่าตลาดคนไทยเที่ยวยุโรปน่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 ซึ่งมีช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์เป็นพีคซีซั่นที่คนรอเดินทาง โดยในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ทางบริษัท วีเอฟเอส (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นตัวแทนให้บริการทำวีซ่าแก่สถานทูตในประเทศไทยของหลายๆ ประเทศในยุโรป เตรียมแจ้งข้อมูลให้สมาคมฯทราบว่าแต่ละประเทศในยุโรปมีเงื่อนไขการเดินทางเข้าไปเที่ยวอย่างไรบ้าง
“สมาคมฯประเมินด้วยว่าเมื่อตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว คงไม่เห็นภาพการดัมพ์ราคาแพ็คเกจทัวร์ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่น่าจะเน้นทำราคาขายที่ได้กำไร ไม่ฆ่าคนอื่น หลังจากไม่มีธุรกิจเข้ามานานเป็นปีเพราะวิกฤติโควิด-19 ส่วนต้นทุนค่า Land Arrangement อาจจะทรงตัวหรือมีการลดราคาเพื่อดึงคนไปเที่ยว ขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบินมองว่ามีแต่จะทรงตัวหรือแพงขึ้น” นายกทีทีเอเอกล่าว
ด้านรายงานข่าวจากสายการบินเอมิเรตส์ ระบุว่า เอมิเรตส์เปิดให้บริการซื้อบัตรโดยสารล่วงหน้าซึ่งมาพร้อมราคาโปรโมชั่น พร้อมรับไมล์คูณสอง สำหรับการเดินทางในชั้นประหยัดและชั้นธุรกิจในช่วงเวลาที่กำหนด ด้วยนโยบายการจองบัตรโดยสารแบบใหม่ล่าสุด ลูกค้าจะได้รับการขยายช่วงเวลาเดินทางบนบัตรโดยสารเป็นเวลา 2 ปี และสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างยืดหยุ่นและมั่นใจไปกับการเดินทาง
สำหรับบัตรโดยสารราคาพิเศษสามารถใช้ได้กับเที่ยวบินในชั้นประหยัดและชั้นธุรกิจที่เดินทางจากกรุงเทพฯ หรือ ภูเก็ต สู่จุดหมายปลายทางครอบคลุมทั่วโลกของสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเชื่อมต่อหลากหลายทวีปทั้งอเมริกา ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก ผ่านฮับบินดูไบ
ผู้โดยสารสามารถซื้อบัตรเดินทางล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 21 มิ.ย.2564 สำหรับใช้เดินทางระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-15 ธ.ค.2564 โดยราคาบัตรโดยสารจากกรุงเทพฯสู่จุดหมายปลายทางยอดนิยม เช่น ดูไบ ราคาชั้นประหยัดเริ่มต้นที่ 15,165 บาท, ซูริค เริ่มต้นที่ 19,365 บาท, นิวยอร์ก เริ่มต้นที่ 27,060 บาท และชิคาโก เริ่มต้นที่ 28,360 บาท