‘พิพัฒน์’ขู่ยุบโปรเจค‘ทัวร์เที่ยวไทย’ จี้กระจาย '5 พันล้าน' ถึงมือทุกกลุ่มธุรกิจ!
ในวงที่ประชุมร่วมระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่า หากประโยชน์ของโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” กระจายไม่ทั่วถึงผู้ประกอบการทุกกลุ่ม
ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยว อาจจะพิจารณา “ยุบ” โครงการทัวร์เที่ยวไทยซึ่งเตรียมเปิดให้นักท่องเที่ยวจองสิทธิจำนวน 1 ล้านสิทธิเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ภายในประเทศคลี่คลาย
เพราะหนึ่งในจุดประสงค์ของโครงการทัวร์เที่ยวไทย ต้องการให้มัคคุเทศก์ ธุรกิจรถเช่าหรือรถบัสนำเที่ยว และอื่นๆ ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ด้วย!
พิพัฒน์ กล่าวว่า อยากให้ สปข.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับค่าเช่ารถนำเที่ยวต่อวันและรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม ก่อนจะประกาศให้มีการลงทะเบียนจองสิทธิโครงการทัวร์เที่ยวไทย หากเริ่มดำเนินโครงการนี้แล้วพบ “ความไม่เป็นธรรม” ธุรกิจรถนำเที่ยวและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ได้ประโยชน์ อาจจะพิจารณายุบโครงการทัวร์เที่ยวไทย เนื่องจากมองว่าประโยชน์จะตกแก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ ผลประโยชน์ต้องกระจายออกไปแก่ผู้ประกอบการทุกกลุ่มมากที่สุด! เพราะนี่คือเงินที่รัฐสนับสนุนและเชิญชวนให้คนไทยได้ท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว จึงเป็นที่มาว่าทำไมโครงการทัวร์เที่ยวไทยต้องมีมัคคุเทศก์ในการนำเที่ยว และต้องมีการใช้รถนำเที่ยวด้วย
“ทั้งนี้เตรียมหารือกับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพิ่มเติมว่า ถ้าหากประโยชน์จากโครงการทัวร์เที่ยวไทยตกไม่ถึงทุกกลุ่มจริงๆ อาจจะพิจารณายกเลิกโครงการทัวร์เที่ยวไทย และส่งคืนงบประมาณไปให้กับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)”
แต่ทาง “บริษัทนำเที่ยว” ก็อาจจะทักท้วงมาว่าเขาก็ขาดทุนเหมือนกัน อยู่ในสถานะที่ลำบากเหมือนกัน! เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกัน “กระจายเม็ดเงิน” โครงการทัวร์เที่ยวไทยให้ได้มากที่สุด! ให้ทุกกลุ่มธุรกิจและทุกรายที่เกี่ยวข้องกับการนำเที่ยวสามารถเดินต่อไปได้
สำหรับเงื่อนไขของโครงการทัวร์เที่ยวไทย รัฐบาลจะช่วยจ่ายเงิน 40% ของราคาแพ็คเกจทัวร์ สนับสนุนให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว จำนวน 1 ล้านสิทธิ สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ ของราคาแพ็คเกจทัวร์ไม่เกิน 12,500 บาท สำหรับโปรแกรมนำเที่ยวอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน โดยจะให้ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป รายการนำเที่ยวที่เลือกซื้อต้องเป็นการเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวแบบข้ามจังหวัดในวันธรรมดาเท่านั้น ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่อนุญาตให้เข้าร่วมโปรแกรมกลางทาง
ด้าน วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร นายกสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) กล่าวว่า ทางสมาคมฯได้เข้าพบนายพิพัฒน์ รมว.การท่องเที่ยวฯ เพื่อขอสนับสนุนเงินค่าเช่ารถสำหรับผู้ประกอบการฯ วงเงิน 840 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.2564 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรถเช่าให้สามารถเข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทยตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยกระจายให้ผู้ประกอบการคันละ 14,000 บาทต่อวัน หรือจำนวนประมาณ 60,000 วัน จากปัจจุบันมีรถเช่าอยู่ประมาณ 3-4 หมื่นคัน หลังจากมีการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้รถประมาณ 50% ของทั้งหมดไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ ส่วนอีก 50% ยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
ขณะที่ข้อเสนออื่นๆ มีเรื่องขอให้ยกเว้นการเก็บภาษีประจำปีสำหรับรถโดยสารไม่ประจำทาง และการเก็บภาษีสถานประกอบการของผู้ประกอบการรถโดยสารไม่ประจำทาง, ยกเว้นเบี้ยปรับกรณีใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และในกรณีชำระภาษีล่าช้าสำหรับผู้ประกอบการ
พร้อมขอให้สนับสนุนเงินชดเชยผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับผู้ประกอบการ คันละ 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.2564, สนับสนุนเงินในการซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารเพื่อเตรียมพร้อมในการดำเนินธุรกิจ และสอดคล้องมาตรฐานความปลอดภัยของกรมการขนส่งทางบก คันละ 200,000 บาท ก่อนมีการ “เปิดประเทศ” เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังขอให้ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเป็นหมู่คณะของหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล และสำนักงานเทศบาล ให้มีการเดินทาง โดยส่งเสริมให้มีการจัดประชุมสัมมนา ศึกษาดูงาน และท่องเที่ยว เพื่อจะทำให้ก่อเกิดรายได้แก่ผู้ประกอบการรถบัสโดยสาร และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศไทยให้ประชาชนมีรายได้ ขณะเดียวกันขอให้ช่วยส่งเสริมผลักดันให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.ให้มีการประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นแรงจูงใจ ร่วมสนับสนุนบริหารจัดการให้มีการท่องเที่ยวและการเดินทางภายในประเทศไทยมากขึ้น