ฉีดวัคซีน-120วัน ! เดิมพัน 'หุ้นไทย' ครึ่งหลังคึก
'4 รายใหญ่ !' วิพากษ์หุ้นไทยครึ่งหลังปี 2564 SET INDEX 'คึกคัก' แม้ตลาดถูกปกคลุมด้วยความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิด-19-เฟดขึ้นดอกเบี้ย-ปรับลด QE แต่หวังสตอรี่ใหม่ 'ปูพรมฉีดวัคซีน-120 วันเปิดประเทศ-มาตรการเยียวยา' พยุงดัชนี 'เด้งกลับ' ได้ !!
พลันที !! 'พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา' นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศมาตรการเดิมพันประเทศ เพื่อชนะการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) หลังประเทศไทยเจอการระบาดระลอก 3 ที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา สะท้อนผ่านจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภาพรวมแตะ 'หลัก 2 แสนราย !'... และแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่มีทีท่าจะลดลง
ส่งผลให้มาตรการคิกออฟการ 'ฉีดวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นวาระแห่งชาติ' โดยปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศพร้อมกันเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา และล่าสุดภาครัฐตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 10 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งครอบคลุมประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มจำนวน 50 ล้านคนภายในต้นเดือนต.ค.นี้ พร้อมกับตั้งเป้า 'ปลดล็อก' เปิดประเทศเต็มรูปแบบภายใน 120 วัน หรือประมาณเดือนต.ค.นี้ นี่คือไทม์ไลน์ที่รัฐวางเป้าหมายไว้ แต่จะเกิดขึ้น 'จริง' หรือ 'พลาดเป้า' คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
แต่มาตรการดังกล่าวทำพร้อมคู่ขนานไปกับมีมาตรการเยียวยาต่อเนื่อง ซึ่งมีผลในช่วงเดือนก.ค.ถึงธ.ค.2564 ประกอบด้วยมาตรการขยายโครงการเดิม อาทิ คนละครึ่งเฟส 3 , การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ , โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 และโครงการใหม่ยิ่งใช้ยิ่งได้ ในรูปแบบ e-voucher cash back รวมเป็นวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท
การเดินหน้าคิกออฟมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ! กำลังส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 'จริง !' หรือ 'ไม่จริง !' ยังไม่รู้ผลที่แท้จริง แต่ 'ตลาดหุ้นไทย' ถือเป็นตลาดลงทุนแรกๆ ที่มีปฏิกิริยาในเชิงบวกตอบรับประเด็นดังกล่าวทันที เห็นได้จากดัชนี SET INDEX ที่ปรับตัวขึ้นมาทะลุ 1,600 จุดได้ ! โดยดัชนีปรับตัวขึ้นมา 'จุดสูงสุด' (New High) ของครึ่งปีแรก 2564 ระดับ 1,636.56 จุด (วันที่ 11 มิ.ย.2564) และ 'จุดต่ำสุด' (New Low) ระดับ 1,468.24 จุด (วันที่ 4 ม.ค. 2564) แม้จะยังไม่สามารถขยับไปยืน 'จุดสูงสุดเก่า' ที่เคยทำได้เมื่อเดือนม.ค.2561 ในระดับ 1,838.96 จุด
ทว่าทิศทางดัชนี SET INDEX จะไปทางใด! 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ให้เหล่า 'กูรู & เซียน' วิเคราะห์ตลาดหุ้นครึ่งปีหลัง 2564 ให้ฟัง..
'ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร' นักลงทุนรายใหญ่ แบบเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ วีไอ มีมุมมองตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง 2564 ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยบวกการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลให้ครึ่งปีหลังประเทศไทยจะมีความชัดเจนในการเปิดประเทศตอนรับนักท่องเที่ยวได้
'ซึ่งเป็นจุดสำคัญมากของไทยเนื่องจากไทยมีรายได้จากภาคท่องเที่ยวจำนวนมาก หากเปิดประเทศก็จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว'
แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในไทยจะยังมีตัวเลขที่สูงขึ้นต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าไทยจะผ่านจุดนี้ไปได้ ประกอบกับประเทศเจริญแล้ว ระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 กันในสัดส่วนประชากรที่มาก ดังนั้น เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังวัคซีนโควิด-19 ที่ประเทศเจริญแล้วฉีดจะเพียงพอและไม่ต้องรอคอยเหมือนในปัจจุบันคาดว่าปลายปีนี้จะมองเห็นภาพการฟื้นตัวชัดเจนยิ่งขึ้น
'บรรยากาศการลงทุนในปัจจุบันผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังไม่เห็นความชัดเจนของการฟื้นตัว แต่หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีตัวเลขลดลงและตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัว ก็จะส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนชัดเจนมากขึ้น และเชื่อว่าถึงเวลานั้นนักลงทุนจะกล้าเข้ามาลงทุนกันคึกคักคาดดัชนีปลายปีนี้มีโอกาสยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้อีกครั้ง'
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลัง 'ดร.นิเวศน์' บอกว่า ยังมองหุ้นกลุ่ม 'ขนาดใหญ่' (Big Cap) เนื่องจากมีความทดทานต่อวิกฤติต่างๆ แม้ผลการดำเนินงานไม่ได้ดีมาก แต่ก็ถือว่าไม่แย่มาก และมีการจ่ายเงินปันผลในระดับที่ดีต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ยิ่งเฉพาะใน SET50 ราคาหุ้นไม่ค่อยปรับตัวขึ้นมากเหมือนหุ้นขนาดกลาง และยังมีระดับ P/E ต่ำอีกด้วย เช่น กลุ่มธนาคาร (แบงก์) ที่มีผลประกอบการยังเติบโต
'เสี่ยยักษ์-วิชัย วชิรพงศ์' นักลงทุนรายใหญ่ มีมุมมองตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง ว่า ประเมินสถานการณ์ 'ยากมาก' เนื่องจากปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนมาก และยังมาเจอตัวเลขเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มถูกปรับลดลงซ้ำลงอีก ดังนั้น มองว่าหากอยากให้บรรยากาศการลงทุนสดใจ ต้องรีบแก้ไขทำให้ตัวเลขผู้คิดเชื่อลดลงให้ได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
'เมื่อบรรยากาศการลงทุนไม่มีความชัดเจน ตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่เห็นโอกาสฟื้นตัว นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยคงต้องกระโดดน้ำหนีเอาตัวรอดก่อน เปรียบเหมือนทะเลมีพายุ ชาวประมงคงต้องเอาเรือเข้าฝั่งเพื่อให้ช่วงเวลานี้ซ่อมแซม แห ตาข่าย อวน ไปก่อน'
'โจ-อนุรักษ์ บุญแสวง' อดีตนายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือ 'วีไอ' มีมุมมองสอดคล้องว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง 2564 จะดีกว่าครึ่งปีแรก ด้วยบรรยากาศการลงทุนแนวโน้มดีขึ้น โดยเชื่อว่าหลังรัฐบาลมีการกระจายฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนเพิ่มมากขึ้น คาดนักลงทุนจะลงทุนด้วยความสบายใจขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็คาดว่าจะทยอยกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ
'เมื่อทุกคนฉีดวัคซีนกันแล้ว ก็กล้าที่จะออกมาทำกิจกรรมภายนอกบ้านมากขึ้น ฉะนั้น มองว่าบรรยากาศทั้งการลงทุนและเศรษฐกิจคงจะทยอยกลับมาในครึ่งปีหลังมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามว่ามาตรการต่างๆ จะเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ด้วยไหม'
สำหรับหุ้นกลุ่มที่ 'น่าลงทุน' ครึ่งปีหลัง 2564 คงต้องยกให้ 'กลุ่มรับเหมา-ก่อสร้าง' เนื่องจากภาครัฐยังมีการประมูลโครงการขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น นักลงทุนต้องไปศึกษาในรายละเอียดของหุ้นรับเหมา-ก่อสร้างเป็นรายตัวว่าหุ้นตัวไหนที่ได้รับประโยชน์ดังกล่าว 'กลุ่มธนาคาร' (แบงก์) แนวโน้มปัจจุบันเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังไม่โดดเด่น เนื่องจากต้องรอให้ตัวเลข 'หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้' (NPL) ปรับตัวดีขึ้นก่อน และ 'กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี' คาดธุรกิจกำลังฟื้นตัว ตามความต้องการ (ดีมานด์) ของทั่วโลก หลังภาวะเศรษฐกิจเริ่มทยอยฟื้นตัวแล้ว และราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขึ้นมา
ขณะที่หุ้นที่ต้องใช้ความระมัดระวังลงทุน 'กลุ่มเดินเรือ' เนื่องจากปัจจุบันราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว 'กลุ่มโลจิสติกส์' ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูงแล้ว และ 'กลุ่มถุงมือยาง' มองว่าอุตสาหกรรมน่าจะมีผู้เล่นเข้ามาอีกมาก ดังนั้น ช่องว่างของการทำกำไรอาจจะไม่สูงเหมือนเดิมแล้ว
'เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง' นักลงทุนเจ้าของพอร์ตระดับ 'พันล้านบาท' ที่มีสไตล์ลงทุนแบบTechnical มีมุมมองตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง ว่า ด้วยบรรยากาศของประเทศไทยตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลออกมาประกาศ ทั้งแผนการปูพรมฉีดวัคซีน-19 , การเปิดประเทศภายใน 120 วัน (หรือเดือน ต.ค.นี้) คาดว่า 'ตลาดหุ้นไทย' ครึ่งปีหลัง 2564 น่าจะปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก
แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ 'ธนาคารกลางสหรัฐ' (เฟด) ที่จะเร็วกว่ากำหนด และจะลดมาตรการ QE ลงมากน้อยแค่ไหน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก 'กังวล' (Panic) อาจจะส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก 'ลดความร้อนแรง !' แต่คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์น่าจะได้ข้อสรุป
'เจ้าของพอร์ตเทคนิค' บอกต่อว่า หากดูจากสัญญาณเส้นกราฟ หากดัชนี SET INDEX ไม่หลุดแนวรับสำคัญ 1,585 จุด ! ดัชนีฯ ก็จะรีบาวด์ได้ ! แต่หากดัชนีหลุดอาจจะต้องใช้เวลาในการพักฐานรอบใหม่ประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งนักลงทุนสามารถมองว่าเป็นจังหวะที่ราคาหุ้นย่อตัวลงมาทยอยเข้าซื้อลงทุนได้
'มองว่าตลาดหุ้นรอบนี้โอกาสปรับตัวลงไปหลุด 1,585 จุด ค่อนข้างยาก ! เนื่องบรรยาการศการลงทุนตอนนี้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังเห็นมาตรการในการปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าครึ่งปีหลังคนน่าจะกล้าออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากยิ่งขึ้น'
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังลงทุนในกลุ่ม 'หุ้นขนาดใหญ่' (Big Cap) เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่มีสภาพคล่องในระดับสูง โดยการลงทุนจะเป็นลักษณะการกระจายลงทุนในหุ้นหลากหลายตัว โดยมีทั้งกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี , กลุ่มธนาคาร (แบงก์) , กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ
'อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล' ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยมองเป้าดัชนีหุ้นไทยระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า มีโอกาสปรับขึ้นทะลุ 1,650 จุด แต่ยังยากที่จะทดสอบ 1,700 จุด นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างปรับประมาณการเป้าดัชนีปี 2564 จากปีก่อนประเมินไว้เพียง 1,500 จุด โดยคาดว่าจะปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,600 จุดบวกลบ
ขณะที่การลงทุน แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มเปิดเมืองเพื่อรับการฟื้นตัวในระยะกลาง-ยาว โดยเลือกหุ้นบริษัทใหญ่ที่พื้นฐานดี ประมาณการกำไรปี 2564 มีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ จากเป้าหมายการเปิดประเทศของรัฐบาล ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับขึ้นไม่มาก (แลกการ์ด) ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, กลุ่มขนส่ง บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS), กลุ่มค้าปลีก บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) และ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) รวมถึงกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN
'วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา' ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนเป้าดัชนีปี 2564 จากเดิมที่ 1,600 จุด เพราะได้ปัจจัยบวกจากกำไรจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้
รวมถึงเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน หรือในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 เพื่อรับอานิสงส์ช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ของธุรกิจท่องเที่ยว โดยแนะนำซื้อกลุ่มหุ้นเปิดประเทศที่ธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มร้านอาหาร และกลุ่มธนาคาร
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ บอกว่า SET INDEX ยังเผชิญปัจจัยกดดันหลังประชุมกนง.ที่มีการปรับลด GDP อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดมองไปข้างหน้าถึงสถานการณ์ที่ดีขึ้น จากการระดมฉีดวัคซีนในปัจจุบัน รวมถึงดัชนีที่ปรับลงมาระดับหนึ่งแล้ว ทำ ให้มองช่วงนี้มี downside จำกัดบริเวณ 1,580 จุด และมีโอกาสฟื้นตัวด้วยการรีบาวด์ทางเทคนิค ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,612-1,671 จุด
'มอง downside จำกัด 1,580 จุด และยังมีโอกาสฟื้นตัวได้'
สำหรับ 'กลยุทธ์' การลงทุนใช้การเข้าซื้อแบบ Selective Buy ด้วยความระมัดระวัง เลือกการลงทุน 1. Defensive และ Yield Plays : กลุ่ม utility GPSC BGRIM กลุ่ม semiconductor KCE HANA กลุ่มการแพทย์ BDMS RJH 2. Reopening Plays CPN CRC BEM ZEN 3. mid-small cap CPW PM SFT TPAC WICE ขณะที่ช่วงสั้นระมัดระวังการเก็งกำไรในหุ้น soft commodity เช่น TVO TWPC TMT และหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี