โบรกหวั่นโควิดฉุดเปิดประเทศล่ม กดดันหุ้น-กำไรบจ.ดิ่ง
“บล.ทรีนีตี้” เผยโควิดระบาดหนัก หวั่นเปิดประเทศไม่ได้ตามแผน 120 วัน ฉุดดัชนีหุ้น-กำไรบจ. “เมย์แบงก์ฯ” คาดนักวิเคราะห์จ่อปรับประมาณการกำไร ยอมรับปัจจัย “เปิด-ไม่เปิด” ประเทศเป็นความเสี่ยงหลัก “ไทยพาณิชย์” แนะซื้อ 3 กลุ่มหุ้นปลอดภัยรับมือความเสี่ยง
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยคาดว่าเป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน อาจเป็นไปไม่ได้ตามที่นักลงทุนคาดหวัง โดยคาดว่าในช่วงปลายเดือน ก.ย.ไปจนถึงต้นเดือน ต.ค.ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มปรับฐานลงตอบรับข่าวดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ดีจากบริษัทแนะนำใช้โอกาสที่ตลาดหุ้นปรับฐานเป็นจุดเข้าซื้อหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และการเปิดประเทศในปี 2565 ทั้งนี้หากเปิดประเทศไม่ได้ตามแผนจะส่งผลให้นักวิเคราะห์ในตลาด (Consensus) มีโอกาสปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ลงมาเล็กน้อย จากปัจจุบันคาดกำไรปีนี้ 83.50 บาทต่อหุ้น และปีหน้า 96.00 บาทต่อหุ้น
“เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี 2564 เราเชื่อว่านักลงทุนจะเริ่มให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นและคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปีนี้ลดลง โดยจะเริ่มหันไปให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นและกำไรบจ.ปี 2565 มากขึ้น เพราะคาดว่าอย่างไรก็ดีท้ายที่สุดจะต้องกลับมาเปิดประเทศได้ ”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 แบ่งเป็นการลงทุนในไตรมาส 3 แนะนำซื้อหุ้นที่ได้ปัจจัยบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มส่งออก และกลุ่มโลจิสติกส์ โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวราว 100 จุด ระหว่างแนวรับ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด ส่วนไตรมาส 4 แนะนำเปลี่ยนเข้ามาเล่นหุ้นคุณค่า (Value Stock) เพราะคาดว่าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ที่ได้รับวัคซีนในประเทศจะเริ่มดีขึ้น ขณะที่ต่างประเทศจะเริ่มเห็นสัญญาณกดดันจากการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักวิเคราะห์มีโอกาสปรับประมาณการกำไรอีกครั้งหลังการประกาศงบไตรมาส 2 ช่วงกลางเดือน ก.ค. โดยความเสี่ยงหลักขึ้นอยู่กับการเปิดประเทศว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย 120 วันหรือไม่ หากรัฐบาลสามารถเปิดประเทศได้ตามเป้าหมายคาดว่ากำไรบจ.ปีนี้จะเติบโตได้ตามคาดการณ์ที่ 118% (EPS Growth) คิดเป็น ESP ที่ 87.00 บาทต่อหุ้น และคาดว่าดัชนีมีโอกาสเคลื่อนไหวทดสอบ 1,700 จุด ในทางกลับกัน หากไม่สามารถเปิดประเทศได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้จะเป็นความเสี่ยงขาลง (ดาวน์ไซด์) ต่อกำไรบจ.และเป้าหมายดัชนี
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เป้าหมายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ยังมีความเสี่ยงหลายอย่างที่เข้ามากดดัน ได้แก่ การระบาดของโควิด-19 คลัสเตอร์ใหม่ ความล่าช้าในการผลิตวัคซีน และการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะเป็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณการกำไรบจ.ปี 2564 ที่ Consensus ประเมินเอาไว้ประมาณ 83.00 บาทต่อหุ้น แม้จะฟื้นตัวจากปีก่อนมากถึง 113% แต่เป็นการฟื้นตัวจากฐานกำไรที่ค่อนข้างต่ำ 39.00 บาทต่อหุ้น รวมถึงเป็นการฟื้นตัวจากหุ้นขนาดใหญ่ที่เข้ามาระดมทุนในปีนี้ ดังนั้น การลงทุนในช่วงที่เหลือจึงแนะนำซื้อหุ้นที่มีความแข็งแกร่งและมีกำไรชัดเจน ได้แก่ กลุ่มการแพทย์ กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มสื่อสาร