กบน.ขยายกรอบวงเงินตรึงราคาแอลพีจีอีก 3 พันล้านบาท
กบน. ไฟเขียวขยายวงเงินชดเชยราคาแอลพีจี เพิ่ม 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท ใช้ตรึงราคาถังขนาด 15 กิโลกรัมเดิม 318 บาทต่อ ช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ ขณะที่สถานะกองทุนฯ ยังแบกภาระดูแลได้อีก 10 เดือนเท่านั้น เหตุราคาตลาดโลกพุ่งสูง
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2564 ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้อนุมัติขยายกรอบวงเงินชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) หรือ ก๊าซหุงต้ม อีก 3,000 ล้านบาท จากเดิมกำหนดกรอบไว้ 15,000 ล้านบาท ทำให้กรอบวงเงินสำหรับชดเชยราคา LPG รวมอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อให้บัญชี LPG มีเงินเพียงพอสำหรับนำไปใช้ชดเชยราคา LPG ครัวเรือน ตามมติที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2564 ที่เห็นชอบขยายระยะเวลาตรึงราคา LPG ไว้เท่าเดิมที่ 318 บาทต่อขนาดถึง 15 กิโลกรัม ระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. 2564 จากเดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย. 2564 เพื่อต้องการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
โดยปัจจุบัน บัญชี LPG ใช้เงินไปแล้วกว่า 12,328 ล้านบาท ใกล้เต็มกรอบวงเงินเดิมที่ 15,000 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องขยายกรอบวงเงินเพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาท ประกอบกับราคา LPG ตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นกว่า 600 ดอลลาร์ต่อตัน จากเดิม คาดว่าราคา LPG โลกจะปรับตัวลดลงในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา จากปกติช่วงฤดูร้อนราคา LPG จะอยู่ที่ประมาณกว่า 300 ดอลลาร์ต่อตันเท่านั้น
ส่งผลให้กองทุนฯ ต้องชดเชยราคา LGP ภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นจาก 6 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็น 8 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม หรือเฉลี่ยโดยรวมชดเชยอยู่เดือนละ 1,000 ล้านบาท ดังนั้น คาดว่ากรอบวงเงินสำหรับดูแลราคาLPG รวมที่เพิ่มเป็น 18,000 ล้านบาท จะสามารถชดเชยราคา LPG ภาคครัวเรือนได้ประมาณ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2564 เป็นต้นไป
นายวิศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ได้เสนอแนวทางให้ลดการชดเชย LPG แบบขั้นบันได ต่อที่ประชุม กบง. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการลดภาระกองทุน LPG ดังกล่าว โดยเสนอลดการชดเชยราคา LPG ลงไตรมาสละ 1 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม แต่ทั้งนี้ ยังต้องพิจารณาปัจจัยด้านผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจของประเทศประกอบด้วย
ขณะเดียวกัน ในส่วนของ สกนช. ก็ได้เตรียมแผนลดการชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยอยู่ระหว่างรอให้กรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) ประกาศให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันฐานของกลุ่มเบนซินซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนราคาน้ำมัน และนำไปสู่การลดการชดเชยราคาได้บางส่วน มีผลให้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไหลออกน้อยลงได้
สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุด ณ วันที่ 9 พ.ค. 2564 เหลือเงินสุทธิ 20,498 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินในบัญชีน้ำมัน 32,826 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 12,328 ล้านบาท ขณะที่กองทุนฯ มีภาระที่ต้องชดเชยราคา LPG และเชื้อเพลิงชีวภาพ ทำให้มีไหลออกเดือนละ 1,700 ล้านบาท จะส่งผลให้กองทุนฯ สามารถใช้ได้อีกเพียงแค่ 1 ปีก็จะหมดลง และหากยังจำเป็นต้องมีมาตรการชดเชยในระยะต่อไป ก็อาจส่งผลต่อสถานะของกองทุนฯ อย่างไรก็ตาม สกนช.ได้เตรียมแนวทางรองรับไว้ คือ แผนการกู้เงิน 20,000 ล้านบาท แต่ที่ประชุม กบน. ยังไม่พิจารณาให้เริ่มกระบวนการกู้เงินแต่อย่างใด โดยสั่งการให้ สกนช.ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิดต่อไปก่อน