3 แอร์ไลน์บินตรงเข้า ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ เพิ่ม ส.ค.นี้
“ททท.” เผยเดือน ส.ค.นี้ 3 แอร์ไลน์ตบเท้าบินอินเตอร์ฯตรงเข้า “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เพิ่ม ทั้ง “คาเธ่ย์ แปซิฟิค-ไทยเวียตเจ็ท-กัลฟ์แอร์” ย้ำความมั่นใจ ยันป้อมปราการภูมิคุ้มกันหมู่ต้องรักษาไว้ให้มั่น หลังจังหวัดภูเก็ตยกระดับมาตรการคนเข้าออกเมือง
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในเดือน ส.ค.นี้ จะมีสายการบิน 3 สายทำการบินเส้นทางระหว่างประเทศตรงเข้า จ.ภูเก็ต ได้แก่ ซึ่งเปิดเมืองเป็นพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวภูเก็ตแบบไม่กักตัวผ่านโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เริ่มเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามเงื่อนไขปัจจุบันหากนักท่องเที่ยวพำนักในภูเก็ตครบ 14 คืน สามารถออกไปท่องเที่ยวพื้นที่อื่นในประเทศไทยได้
สำหรับสายการบิน 3 สายดังกล่าว มีดังนี้
1.สายการบินกัลฟ์แอร์ จะให้บริการเส้นทาง บาห์เรน-ภูเก็ต จำนวน 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มวันที่ 30 ก.ค.นี้
2.สายการบินไทยเวียตเจ็ท จะให้บริการเส้นทางบิน สิงคโปร์-ภูเก็ต จำนวน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มเดือน ส.ค.นี้เป็นต้นไป
3.สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค จะให้บริการเส้นทาง ฮ่องกง-ภูเก็ต เริ่มวันที่ 10 ส.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ได้เพิ่มความถี่เที่ยวบินจาก 1 เที่ยวบินต่อวัน เป็น 2 เที่ยวบินต่อวัน เริ่มวันที่ 19 ก.ค.-30 ต.ค.นี้
นายศิริปกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) สำคัญของภาคท่องเที่ยว ทั้งการฉีดแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และฉีดแก่พนักงานภาคท่องเที่ยวกับคนในพื้นที่นำร่องเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
“เราต้องรักษาป้อมปราการภูมิคุ้มกันหมู่ภายใน จ.ภูเก็ต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว และยังช่วยย้ำความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการสายการบินในการเปิดเส้นทางหรือเพิ่มเที่ยวบินเข้าภูเก็ตต่อเนื่อง”
หลังจังหวัดภูเก็ตยกระดับมาตรการคุมเข้มการเดินทางเข้า จ.ภูเก็ต โดยประชาชนทุกคนที่เดินทางเข้ามาในจังหวัด รวมถึงคนภูเก็ต จะต้องแสดงหลักฐานดังนี้ 1.ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCT หรือวิธีการ Antigen Test ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และ 2.ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามที่จังหวัดภูเก็ตกำหนด คือ ซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ต้องครบ 2 เข็ม ส่วนแอสตร้าเซเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จำนวน 1 เข็ม อย่างน้อย 14 วัน สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปีมากับผู้ปกครอง ได้รับการยกเว้นไม่ต้องตรวจ
และหลังจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) มีมติเห็นชอบการปรับรูปแบบการเดินทางให้สามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงพื้นที่นำร่องรองรับดีมานด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นสูตร 7+7 มีกำหนดเริ่มดำเนินการวันที่ 1 ส.ค.นี้ กล่าวคือนักท่องเที่ยวสามารถตั้งต้นการเดินทางเข้าโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เมื่ออยู่ท่องเที่ยวครบ 7 คืนแรก สามารถท่องเที่ยวเชื่อมโยงไปยังอีก 3 พื้นที่นำร่อง ได้แก่
1.เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล จ.กระบี่
2.เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา
3.เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จ.สุราษฏร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องของโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” เริ่มเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา
โดยทาง ททท.มองว่าเป็นสูตรการท่องเที่ยวที่ช่วยทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีตัวเลือกมากขึ้น และขายแพ็คเกจท่องเที่ยวไทยได้ง่ายขึ้น