XPG ลุยธุรกิจดิจิทัลเต็มสูบ ปั้นรายได้พันล้าน

XPG ลุยธุรกิจดิจิทัลเต็มสูบ ปั้นรายได้พันล้าน

“เอ็กซ์สปริง” ลุยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เล็งขอไลเซ่นส์เพิ่ม-พัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุน ขึ้นแท่นผู้ให้บริการทางการเงินดิจิทัล หวังเป็นนิวเอสเคิร์ฟ-สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ลุ้นรายได้ปี 64 แตะพันล้าน เตรียมเปิดขายโทเคนดิจิทัล “สิริฮับ” ก.ย.นี้

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจเพิ่มอีก 4 ใบอนุญาต ได้แก่ นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Broker) ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Private fund Management) และใบอนุญาตในการเป็นตัวแทนขายกองทุนรวม (LBDU) เพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) การลงทุนของบริษัทให้สมบูรณ์มากที่สุด โดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตภายในสิ้นปี 2564 หรือย่างช้าต้นปี 2565

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นธุรกิจที่ช่วยสร้างการเติบโตใหม่ (New S-curve) ให้แก่บริษัท ต่อยอดจากธุรกิจเดิมของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจหลักทรัพย์ (Securities) ธุรกิจจัดการกองทุน (Fund Management) และธุรกิจบริหารจัดการหนี้ (Distressed Asset Management) เพื่อให้บริษัทเป็นผู้ให้บริการทางการเงินดิจิทัล หรือ Digital Financial Service

โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ประกาศเพิ่มทุนมูลค่า 7.1 พันล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนจำนวน  1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวจะแบ่งใช้ลงทุนในธุรกิจเดิม คือ ธุรกิจหลักทรัพย์และให้บริการทางการเงินแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การสนับสนุนการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) การขยายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพฯลฯ และธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ โดยบริษัทมองว่าธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเปรียบเหมือนสตาร์ทอัพซึ่งมีความจำเป็นต้องลงทุนในช่วงแรกของธุรกิจ ทั้งการลงทุนในแพลตฟอร์มที่ได้มาตรการ เทคโนโลยีที่ดี การจ้างบริษัทที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศเข้ามาพัฒนา รวมถึงการจ้างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาพัฒนาธุรกิจ

162921936319

ขณะที่จุดแข็งของบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นายระเฑียร กล่าวว่า XPG มีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และต่างเป็นผู้มีความชำนาญในเซกเมนต์ของตนเอง เช่น บมจ.แสนสิริ (SIRI) บมจ.วิริยะประกันภัย และ เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ (Elevated Returns) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารหลักทรัพย์ การวางโครงสร้างทางการเงิน และด้านการควบรวม-ซื้อกิจการ รวมถึงพันธมิตรที่เป็นกองทุนต่างประเทศ ซึ่งจะเข้ามาเชื่อมต่อเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับบริษัทในอนาคตเพื่อสร้างการลงทุนเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One Stop Service)

“เมื่อไหร่ที่เราได้ไลเซ่นส์ครบ หมายความลูกค้าที่เข้ามาจะสามารถเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งก็ได้ ไม่ใช่เฉพาะหุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ คริปโตเคอเรนซี หรือโทเคน ฯลฯ แทบจะทุกอย่าง เราทำกระทั่งเตรียมแพลตฟอร์มในรูปแบบ Open Architecture ซึ่งสามารถเชื่อมต่อออกไปลงทุนในประเทศที่เราเชื่อว่าจะเติบโตได้ แพลตฟอร์มทั้งหมดในอนาคต เราทำไว้เพื่อรองรับนักลงทุนคนใดคนหนึ่งที่เข้ามาให้มีเมนูให้เลือกเลยว่าจะเลือกซื้อตัวไหน เพื่อที่เราจะเป็นคนดูแลเขาตลอดทั้งทาง”

ในการนี้ บริษัทเตรียมเสนอขายผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลผลิตภัณฑ์แรก คือ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (SiriHub Investment Token) คาดจะเปิดขายในเดือน ก.ย.ผ่านแอพพลิเคชั่น XSpring และหลังจากนั้นนักลงทุนสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือบนแพลตฟอร์มซื้อขายโทเคนดิจิทัลของ บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX) ซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัท โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 10 บาทต่อเหรียญเท่านั้น

นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2564 บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ร่วมกับ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้ให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรม และบริษัทมีลูกค้าในมือที่เตรียมเสนอขายโทเคนดิจิทัลอีกหลายราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

สำหรับเป้าหมายรายได้ปี 2564 อยู่ที่  400-600 ล้านบาท แต่เบื้องต้นคาดว่ามีโอกาสเติบโตแตะ 1,000 ล้านบาท ขณะที่กำไรคาดว่าจะอยู่ที่หลัก100 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกมีกำไรแล้ว65 ล้าน ส่วนปี 2565 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าบางธุรกิจจะเริ่มเข้าสู่จุดคุ้มทุน (Breakeven) ได้ในช่วงกลางปีหน้า หนุนคาดรายได้ให้เติบโตในระดับหลายร้อยล้านบาท ขณะที่ในระยะยาวหากแพลตฟอร์มดิจิทัลสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์แบบจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรบริษัทให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด