‘บิสซิเนส’ส่งธุรกิจบริการ หวังลดความผันผวนรายได้
มักเจอคำถามบ่อยๆ ว่าธุรกิจซื้อมาขาย (เทรดดิ้ง) ในธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งชุดเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษา (Radiotherapy)ของ บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZมีผลดำเนินงานค่อยข้าง “ผันผวน”ในแต่ละปี
โดยมี“รายได้-กำไรสุทธิ”เติบโตไม่สม่ำเสมอขึ้นอยู่กับการขายผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่บริษัทจำหน่าย
“สมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ ยอมรับว่าธุรกิจของบริษัทไม่ใช่ธุรกิจที่สร้างรายได้เติบโตหวือหวา แต่เป็นธุรกิจที่เติบโตได้เรื่อยๆ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ขยายตัวได้จากจำนวนผู้ป่วยเป็น “โรคมะเร็ง” เพิ่มขึ้นทุกปี รวมทั้งผู้ป่วยมีความรู้เรื่องวิธีการรักษาและมีทางเลือกในการรักษามากยิ่งขึ้นจากในอดีต
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขายเครื่องมือทางการแพทย์รายได้จะผันแปรขึ้นอยู่ที่การขายเครื่องได้ในแต่ละปี ถือเป็นความเสี่ยงของบริษัทเฉกเช่นกัน ดังนั้น เมื่อราว 2 ปีก่อน บริษัทจึงแตกไลน์ออกสู่ “ธุรกิจโรงพยาบาล”ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางรักษามะเร็งแคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 65%จำนวน 30 เตียง ในการรักษาด้วยการฉายรังสี , เคมีบำบัด (คีโม)
และล่าสุดเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทย่อยได้เปิดแผนกใหม่“กัญชาทางการแพทย์”ในโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ โดยนำน้ำมันกัญชาที่ซื้อจาก“องค์การเภสัชกรรม” (อภ.) มาช่วยเสริมด้านการลดอาการข้างเคียงในกระบวนการรักษาโรคมะเร็ง ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน ทั้งการผ่าตัด การให้เคมีบำบัด และการฉายแสง โดยโรงพยาบาลได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขสำหรับการเปิดแผนกกัญชาการแพทย์และการสั่งซื้อกัญชา ซึ่งจะต้องรายงานการใช้กัญชาทางการแพทย์ต่อกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น ในแผนธุรกิจระยะยาว 3-5 ปี (2564-2568) โครงสร้างสัดส่วนรายได้เปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าธุรกิจบริการหลังการขายและโรงพยาบาลจะมีสัดส่วนรายได้ 30-40% ซึ่งคาดว่าอนาคตจะเป็น “รายได้ประจำ”ส่วนรายได้ธุรกิจจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ 50-60%
“ภายใน 1-2 ปี โครงสร้างรายได้อาจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมาก เนื่องจากธุรกิจขายเครื่องยังเป็นวอลุ่มที่สูงระดับ 100 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลและบริการหลังการขายเข้ามาระดับ 50-60 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นส่วนที่ยังไม่มาก แต่ในอนาคตระยะยาวเชื่อว่าธุรกิจโรงพยาบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้น”
บริษัทอยู่ระหว่างศึกษา “ธุรกิจใหม่” คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2565 ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับทางการแพทย์ (เฮลธ์แคร์) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความถนัด โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งมากและไม่สูงมาก ซึ่งบริษัทพยายามแสวงหาธุรกิจใหม่เข้ามาลดความ “ผันผวน”ของธุรกิจเดิม แต่อยู่ภายใต้ความเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2564 คาดว่าจะเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก โดยงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 193.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 15.3 ล้านบาท ส่วนรายได้อยู่ที่ 1,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน และคาดว่า“รายได้-กำไรสุทธิ”ปี 2564 ทำสถิติสูงสุด (New High) เป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจมา
เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงาน“ในมือรอรับรู้รายได้” (Backlog)กว่า 1,900 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่รอส่งมอบเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งให้กับโรงพยาบาลภาครัฐที่เป็นคู่สัญญาในปีนี้ รวมถึงโครงการจัดตั้งศูนย์รักษาผู้ป่วยโรงมะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอนที่จะสามารถส่งมอบได้ภายในปีนี้เช่นกัน โดยแม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่กระจายไม่หยุด แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าส่งมอบงานให้กับลูกค้า
“ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และสามารถส่งมอบงานได้ตามนัด ขณะที่มีการรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลเฉพาะทางมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ฯ ตามสัดส่วนถือหุ้น ซึ่งได้ผลตอบรับดีกว่าคาด และมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่า ผลงานในปีนี้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าประมูลงานใหม่ ส่วนใหญ่เป็นงานของภาครัฐ มูลค่าอยู่ที่ระดับ1,000 ล้านบาท โดยมั่นใจโอกาสจะได้งานกว่าครึ่งหนึ่งจากที่เข้าประมูล เนื่องจากมีคู่แข่งจำนวนไม่มาก รวมทั้งในปีนี้จะมีการทำการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากเข้าร่วมโครงการภาครัฐผู้ถือบัตรทอง 30 บาท รักษาได้ทุกที่ทั่วประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว