CV จ่อปิดดีลโรงไฟฟ้าใหม่ครึ่งหลัง หนุนรายได้ขายไฟเติบโต
“โคลเวอร์ เพาเวอร์” เล็งนำเงินที่ได้จากการระดมทุนขายหุ้น 1.2 พันล้านขยายกิจการ ปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน-โรงไฟฟ้าขยะ ครึ่งหลังปี 64 หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 85 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้
นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วานนี้ (2 ก.ย.) เป็นวันแรก บริษัทพอใจกับราคาเปิดการซื้อขายที่ปรับขึ้นจากราคาจองซื้อ โดยคาดว่าเป็นผลจากความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในอนาคตจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในชุมชน ขณะที่ CV เป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท 60% จะนำไปใช้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ทั้งในรูปแบบโครงการที่สร้างเอง (Greenfield Project) และการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้วเพื่อต่อยอดธุรกิจ 30% จะนำไปชำระคืนเงินกู้ที่มีกับสถาบันการเงินเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ให้ลดลงเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต และอีก 10% จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสร้างสภาพคล่องภายในบริษัท
ขณะที่แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทอยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก กำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 170 ล้านบาท คาดจะเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ขายได้ภายในเดือน ก.ย. นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการโรงคัดแยกและแปรรูปขยะ เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ (RDF) จังหวัดพิจิตร กำลังการผลิตประมาณ 150 ตันต่อวัน มูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกิน 210 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปี 2564
ส่วนธุรกิจด้านงานวิศวกรรม (Valued EPC) ปัจจุบันมีงานรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 350-380 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยรับรู้ในปี 2564 ต่อเนื่องไปยังปี 2565 ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะทยอยลงนามสัญญาก่อสร้างอีกหลายโครงการ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการอนุรักษ์พลังงาน โครงการก่อสร้างอาคารและงานระบบ และโครงการบริหารอาคารอัจฉริยะ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจะเติบโตมากกว่าปี 2563 เพราะรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าใหม่ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 4 ปี 2563 รวมถึงมีโรงไฟฟ้าใหม่ 1 ในที่เข้าซื้อกิจการในครึ่งหลังปีนี้ โดยคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 2564 จะเติบโตแตะ 85 เมกะวัตต์ ส่วนธุรกิจวิศวกรรมยังประเมินได้ยาก เพราะขึ้นอยู่กับ Backlog ที่บริษัทจะลงนามในช่วงที่เหลือของปีนี้