ท่องเที่ยวใส่เกียร์เดินหน้า‘เปิดประเทศ’ ‘บับเบิล’เมืองชายแดนเพื่อนบ้าน ม.ค.65
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยืนยันเดินหน้าสู่ “การเปิดประเทศ” ภายใน 120 วันตามประกาศเมื่อ 16 มิ.ย. เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในที่ประชุมสภาฯว่า ขณะนี้รัฐบาลได้นำร่องเปิดประเทศไปแล้วในระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.2564 ประเดิมโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” คิกออฟ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ต่อด้วยโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” เริ่ม 15 ก.ค. และล่าสุดโมเดล “7+7 Phuket Extension” เที่ยวเชื่อมโยงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ครบ 7 วันแรก จากนั้นในช่วง 7 วันหลังนักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวพื้นที่นำร่องใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า), จ.กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล) และ จ.พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) เมื่อพำนักในพื้นที่นำร่องของโมเดลนี้ครบ 14 วัน จึงจะสามารถไปเที่ยวพื้นที่อื่นในไทยได้ ส่วนการเปิดเมืองบุรีรัมย์ จำเป็นต้องชะลอออกไปก่อน เพราะได้เลื่อนการจัดการแข่งขันโมโตจีพี ออกไปเป็นปี 2565 แล้ว
ด้านไทม์ไลน์การเปิดประเทศในระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป จะเปิดเพิ่มอีก 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.ดอยเต่า) ประจวบคีรีขันธ์ (พื้นที่หัวหิน) เพชรบุรี (พื้นที่ชะอำ) และชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ)
ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.นี้เป็นต้นไป จะเปิดเพิ่ม 21 จังหวัดครอบคลุมทั่วประเทศ ภาคเหนือ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ น่าน ลำพูน และสุโขทัย, ภาคอีสาน ได้แก่ อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ อุบลราชธานี เลย (เชียงคาน), ภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง (เกาะเสม็ด) จันทบุรี ตราด (เกาะกูด เกาะช้าง), ภาคตะวันตก ได้แก่ ราชบุรี และกาญจนบุรี, ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง ตรัง สตูล สงขลา และนครศรีธรรมราช, ภาคกลาง คือ พระนครศรีอยุธยา
และระยะที่ 4 ภายในวันที่ 1-15 ม.ค.2565 ทำ “ทราเวลบับเบิล” ระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้านในพื้นที่ชายแดนต่างๆ ได้แก่ กัมพูชา นำร่องทำบับเบิลกับพื้นที่สุรินทร์ (ช่องจอม) สระแก้ว (อรัญประเทศ) ตราด (เกาะกง), เมียนมา กับพื้นที่เชียงราย (แม่สอด ท่าขี้เหล็ก) ระนอง (เกาะสอง), สปป.ลาว กับนครพนม หนองคาย มุกดาหาร และมาเลเซีย กับยะลา (เบตง) นราธิวาส (สุไหงโกลก) สงขลา (ด่านนอก ปาดังเบซาร์) สตูล (วังประจัน) โดยหลังจากนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่ประสานระหว่างประเทศต่อไป
“ขอยืนยันว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องมีความพร้อม ได้รับความเห็นชอบจากทางสาธารณสุขจังหวัดนั้นๆ แล้ว ขณะเดียวกันต้องสอดคล้องกับการฉีดวัคซีนแก่ประชากร โดยในเดือน ส.ค.ได้จัดสรรวัคซีนไปแล้วกว่า 13 ล้านโดส เดือน ก.ย.อีกประมาณ 16 ล้านโดส เดือน ต.ค. 24 ล้านโดส ส่วนเดือน พ.ย.และ ธ.ค. เดือนละ 23 ล้านโดส พื้นที่ไหนได้รับวัคซีนแล้วไม่น้อยกว่า 70% ก็จะมีการหารือเพื่อเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป” รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว
ด้านการเตรียมความพร้อมของพื้นที่นำร่องที่จ่อคิวเปิดเมืองในระยะที่ 2 สนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า นอกเหนือจากการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสซึ่งวางเป้าหมายเมืองพัทยา อ.บางละมุง และ อ.สัตหีบ ภายใต้โครงการ “พัทยา มูฟออน” แล้ว ตอนนี้กำลังพิจารณาเพิ่มอีก 1 พื้นที่คือ “เกาะล้านแซนด์บ็อกซ์” ซึ่งจะเดินตามโมเดลโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
“เกาะล้านจะเป็นพื้นที่เกาะที่มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากประชากรในพื้นที่กว่า 2,000 คนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วเกือบ 100% จึงสามารถนำมาเปิดเป็นพื้นที่นำร่องได้ภายใต้โครงการพัทยามูฟออนที่ทางหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจังหวัดและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดทำแผนเอาไว้แล้ว”
โดยจะนำเอาโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาเป็นต้นแบบ ทั้งเรื่องการตรวจคนเข้าออกตั้งแต่ท่าเรือที่แหลมบาลีฮาย การตรวจหาเชื้อซ้ำก่อนเข้าพื้นที่ หลังจากที่ผ่านมาทางเกาะล้านได้ปิดตัวเองเอาไว้ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ทั้งนี้จะมีการนำเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) พิจารณาต่อไป
กรด โรจนเสถียร คณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมสปาไทย กล่าวในฐานะประธานภาคเอกชนของโครงการ “หัวหิน รีชาร์จ” ว่า สำหรับแนวทางการเปิดพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เบื้องต้นนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถท่องเที่ยวแบบอิสระหรือซื้อแพ็คเกจทัวร์เพื่อเดินทางภายในพื้นที่ 86.36 ตารางกิโลเมตรของเทศบาลเมืองหัวหินแบบไม่กักตัวได้ เหมือนกับโมเดลโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพียงแต่มีขนาดพื้นที่เล็กกว่า
ส่วนการเตรียมความพร้อม เหลือเพียงการฉีดวัคซีนให้ครบตามเป้าหมายภายในเดือน ก.ย.นี้ซึ่งเป็นเดือนที่รัฐบาลประกาศว่าจะนำวัคซีนเข้ามาจำนวนมาก ทั้งนี้มั่นใจว่าหากเปิดเมืองหัวหินได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 1 แสนคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1,200 ล้านบาทตามเป้าหมายเดิม
และในวันที่ 5 ก.ย.นี้ คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหัวหิน รีชาร์จ จะหารือร่วมกับนายพิพัฒน์ รมว.การท่องเที่ยวฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดทั้งภาครัฐและเอกชน ถึงแนวทางการเตรียมความพร้อมเปิดพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน