BYD เล็งลงทุนธุรกิจ ‘สุขภาพ’ สร้างโอกาสโตในอนาคต
“บล.บียอนด์” เดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ “สุขภาพ”สร้างโอกาส หนุนรายได้-กำไรโต คาดชัดเจนในปี 65 และธุรกิจรถบัสไฟฟ้า "ไทยสมายล์บัส" ปีนี้รายได้แตะ 700 ล้าน เหตุรายได้เดินรถเพิ่มหลังรับมอบรถตามแผน120คัน
นางสาวออมสิน ศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บียอนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ BYD เปิดเผยว่า บริษัทมองหาโอกาสขยายการลงทุนธุรกิจใหม่นอกจากธุรกิจหลักทรัพย์ สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ขณะนี้สนใจลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ยังเป็นเทรนด์เติบโตดีต่อเนื่องในทุกภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งยังอยู่ช่วงเริ่นต้นเตรียมหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยยังคงใช้แนวทางการร่วมทุน ผ่านทางบริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ AEC คาดว่า ยังใช้เวลาพอสมควรและต้องรอให้ธุรกิจการเดินรถ โดยใช้รถโดยสารไฟฟ้าหรือ E-Bus ของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด ที่เริ่มในปีนี้สำเร็จตามเป้าก่อน
สำหรับแผนดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นางสาวออมสิน กล่าวว่า ในธุรกิจการเดินรถของ "ไทยสมายล์บัส” ในเดือนก.ย.นี้ คาดจะรับมอบรถครบทั้งสิ้น 48 คันจากปัจจุบันรับมอบแล้ว 12 คัน และคาดสิ้นปีนี้จะครบทั้งสิ้น 120 คันตามเป้า ซึ่งจะทำให้ไทยสมายล์บัส มีรายได้จากการเดินรถเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ที่ 680- 700 ล้านบาท และทยอยรับมอบรถครบ337 คัน ภายใน 3 ปี
"โดยบริษัทได้เข้าไปเจรจาในเรื่องการจัดซื้อรถในราคาที่ดีขึ้น คาดเซ็นสัญญาได้ภายในเดือนก.ย.นี้ ส่วนนี้จะช่วยสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มกลับมาที่บริษัทต่อไป และในปี 2565 ธุรกิจการเดินรถ จะสร้างรายได้เติบโตมากกว่าธุรกิจหลักทรัพย์ถึง 3 เท่า"
ในส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ ยังคงให้ความสำคัญเช่นกัน เน้นการขยายลูกค้าทั้งรายย่อยและรายใหญ่ ทำธุรกิจเชิงรุกสรรหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเจาะตลาดกลุ่ม Block trade และตราสารอนุพันธ์ พัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการลงทุนให้ลูกค้าด้วยการให้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างจากในตลาด หวังว่าครึ่งปีหลังนี้จะกลับมาสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนและสร้างสีสันในตลาดได้ ปัจจุบันมีฐานลูกค้า 30,000 ราย คาดว่า เติบโตขึ้นต่อเนื่อง
นอกจากนี้ หลังจากบริษัทได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ ทำให้บริษัทมีความพร้อมมากขึ้นจากฐานะการเงินที่แข็งแรงขึ้น คาดว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง จากครึ่งแรกปีนี้ มีรายได้ 82.20 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขาดทุนที่ 22 .13 ล้านบาท และขาดทุนลดลงมาอยู่ที่ 83.87 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนอยู่ที่ 197.15 ล้านบาท
"ในปีนี้ถือเป็นปีตั้งหลักของเราและปีหน้าจะสร้างผลการดำเนินงานกลับมาเป็นกำไรได้ชัดเจน ซึ่งจะเข้าเงื่อนไขการจัดตั้งโฮลดิ้ง จากนั้นบริษัทจะดำเนินการยืนจัดตั้งต่อไป คาดว่าจะชัดเจนในปี 2566 เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว "