‘กูรู’แนะจัดพอร์ตลงทุนหุ้น- ทอง-กองทุน สู้‘เงินเฟ้อ’

นายพิพัฒน์ พิศณุวงรักษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า จากแนวโน้มเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น บบริษัทแนะจัดพอร์ตกระจายการลงทุนต่อสู้เงินเฟ้อ ถ้ารับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง เป็นพอร์ตหลัก 80% แบ่งสัดส่วนเป็นเงินสด5% หุ้นไทย 35% (แนะหุ้นสื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์ ขนส่งโลจิสติกส์และหุ้นเปิดเมือง เช่น ค้าปลีก ท่องเที่ยว)หุ้นต่างประเทศ35% (หุ้นยุโรป ส่วนหุ้นสหรัฐ หุ้นเวียดนาม )คอมมูนิตี้ 5%ขณะที่อีก 20% เป็นพอร์ตเทรด แนะกองทุนลงทุนหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักส์เตอร์และไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ที่ราคาปรับตัวขึ้นจากความต้องการเพิ่มขึ้น รวมถึงหุ้นจีนที่ปรับฐานลงมาในช่วงนี้

นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานฝ่ายบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก กล่าวว่า การลงทุนทองคำยังต้องรอความชัดเจนลดคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐโดยในช่วงระยะสั้นกลางราคาทองยังเป็นขาลง แต่ไม่ลงลึก และบาทแข็งค่า เป็นโอกาสเข้าทยอยซื้อเก็บได้ที่แนวรับแรก 25,000 หรืออาจลงเท่าก่อนโควิด-19ที่ 23,000 บาท จากปัจจุบันทรงตัว 27,000-28,000บาท แต่มองว่าไม่หลุด 20,000 บาท ซึ่งการลงทุนในทองคำถือว่ายังให้ผลตอบแทนที่ดีชนะเงินเฟ้อปัจจุบันที่ 5%และแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยขณะนี้นักลงทุนต้องระมัดระวัง จากมีปัจจัยเสี่ยงกดดันเรื่องสถานการณ์โควิดจบแล้วหรือไม่ และปีหน้าเศรษฐกิจไทยอาจฟื้นช้ากว่าคาด นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่กลับมากนัก มาตรการกระตุ้นและการปรับโครงสร้างต่างๆของรัฐยังทำได้ล่าช้า

 ทั้งนี้ ดัชนีมีโอกาสที่ตลาดลงมาจากที่ผ่านมาขึ้นมามากพอสมควรแล้ว และช่วงที่ประกาศผลประกอบการบจ.ไตรมาส 3นี้ ที่คาดออกมาติดลบ  แต่หากดัชนีปรับลงมาก็เป็นโอกาสเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนระยะ 6เดือนถึง1ปี  ซึ่งควรเลือกลงทุนหุ้นอิงกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจในอนาคต ได้แก่ กลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ (BBL SCB TISCO) กลุ่มค้าปลีก (CPALL  HMPRO CPN CPNREIT) กลุ่มอสังหาฯ ( LH SPALI)   กลุ่มปันผลสูง (MK ) กลุ่มโรงไฟฟ้า ( GPSC)