ตลท.ยัน STEC พับแผนซื้อ STIT ทำได้ หากเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ยัน STEC ยกเลิกซื้อกิจการ STIT ได้ หากเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น ภายหลังตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยร้อง ก.ล.ต.-ตลท.ตรวจสอบ ด้านบอร์ด STEC มีมติยกเลิกการเข้าซื้อกิจการ เหตุผลตอบแทนจากเงินลงทุนลดลง-โควิดกระทบธุรกิจก่อสร้าง-ราคาซื้อขายเท่าเดิม
จากกรณีที่ตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC และ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2564 และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 9 ก.ย. เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนคณะกรรมการของ STEC เนื่องจากคณะกรรมการบริษัทยังไม่ดำเนินการตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ที่อนุมัติให้เข้าซื้อกิจการของ บริษัท เอส ที ไอ จำกัด หรือ STIT
วานนี้ (10 ก.ย.2564) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติยกเลิกการเข้าซื้อกิจการ STIT เพราะสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบให้งานก่อสร้างของภาคเอกชนชะลอออกไป ประกอบการภายหลังให้บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินจัดทำประมาณการใหม่ภายใต้สมมติฐานที่เปลี่ยนไปจากผลกระทบของโควิด-19
ผลปรากฏว่า เมื่อพิจารณาจากเงินลงทุน การเข้าทำรายการจะทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (Equity IRR) ลดลงเหลือร้อยละ 0.16 จากเดิมที่ประเมินไว้ร้อยละ 16.53 ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนในห้วงเวลานี้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญจากที่ได้เสนอไว้ต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563
ทั้งนี้ ภายหลังบริษัทฯ เจรจาสอบถามราคาซื้อขายกิจการ บจก.เอส ที ไอ ที กับ บมจ.เอสทีพี แอนด์ ไอ แล้ว และได้รับคำตอบยืนยันราคาเดิม ทั้งสองฝ่ายจึงไม่บรรลุข้อตกลงร่วมกัน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว หากการตัดสินใจของบอร์ดเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นก็สามารถดำเนินการได้
ด้านความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น STEC วานนี้ ลดลง 0.76% หรือ 0.10 บาท มาอยู่ที่ 13.00 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. ลดลง 2.25% หรือ 0.03 บาท จาก 13.30 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 13.00 บาทต่อหุ้น ส่วนราคาหุ้น STPI ลดลง 0.90% หรือ 0.04 บาท มาอยู่ที่ 4.38 บาทต่อหุ้น ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. ลดลง 1.79% หรือ 0.08 บาท จาก 4.46 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 4.38 บาทต่อหุ้น 0.03 บาท
ทั้งนี้ STEC เป็นผู้ประกอบธุรกิจก่อสร้างงานทุกประเภททั้งงานโยธาและ งานเครื่องกล เช่น งานด้านระบบสาธารณูปโภค งานด้านอาคาร งานด้านพลังงาน งานด้านอุตสาหกรรม และ งานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ส่วน STPI ดำเนินธุรกิจงานแปรรูปและติดตั้งโครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) ระบบท่อ (Piping) โรงงานสำเร็จรูป (Module) และ ผลิตภัณฑ์เหล็กอื่น ๆ (Other Steelwork) ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาคาร รวมทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย