หุ้นไอทีพร้อมรับกระแส “iPhone 13” ความหวังหนุนกำลังซื้อท้ายปี
ยอมรับเลยว่า อีเวนต์ใหญ่ของ “แอปเปิล” เดือน ก.ย. ของทุกปีตรึงตลาดสมาร์ทโฟนให้หยุดนิ่งเพื่อรอดูว่า จะมีลูกเล่นใหม่อะไรให้น่าแปลกใจ ซึ่งปี 2564 เปิดตัว iPhone 13 ออกมาแล้ววันที่ 14 ก.ย. (15 ก.ย. ตามเวลาไทย) พร้อมคาดการณ์ยอดขายหนุนหุ้นไอทีไตรมาสสุดท้ายหลังคลายล็อกดาวน์
จากปี 2563 ที่ผ่านมาผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้แอปเปิลเลื่อนเปิดตัว ไอโฟน 12 เป็นช่วงท้ายปี หลังมีปัญหาขาดแคลนชิปจากอุปสรรคในการขนส่งหยุดชะงัก แต่กลับมีดีมานด์ความต้องการจากทั่วโลก สะท้อนจากยอดเปิดจองเดือนพ.ย. 2563 จำนวนมากเพื่อใช้ในช่วงกักตัวและ work from home
ตามยอดขายช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ในรายงานคาดการณ์ของ Canalys พบว่า ตลาดสมาร์ทโฟนปรับตัวลดลง แต่เจาะรายแบรนด์กลับพบว่าแอปเปิล มียอดขาย 81 ล้านเครื่อง และกลับมามีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ที่ 23% ขึ้นนำสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น ด้วยจุดเด่นการรองรับระบบ 5G
ปีนี้ “แอปเปิล อิงค์” เตรียมเปิดตัวไอโฟน 13 จำนวน 4 รุ่นคือ iPhone 13, iPhone 13 mini, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารผ่านระบบดาวเทียมในการส่งข้อความในสถานการณ์ฉุกเฉิน หากผู้ใช้มือถืออยู่ในสถานที่ซึ่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของกล้องและชิป 5G แบตที่อึดขึ้น และหน้าจอที่มี refresh rate ที่ดีขึ้นสำหรับคอเกม
ข้อมูลของ Apple Hub ให้ข้อมูลอีกด้วยว่าราคา iPhone 13 ทุกรุ่นที่จะเปิดตัวเท่ากับ iPhone 12 ทุก เริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์, iPhone 13 mini อยู่ที่ 699 ดอลลาร์, iPhone 13 Pro อยู่ที่ 999 ดอลลาร์ และ iPhone 13 Pro Max อยู่ที่ 1,099 ดอลลาร์
คาดว่า แอปเปิลจะเริ่มเปิดรับ pre-order ของ iPhone 13 สำหรับประเทศในกลุ่ม tier-1 ซึ่งรวมถึง สหรัฐ สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย จีน และญี่ปุ่น ในวันที่ 17 ก.ย. และเริ่มวางจำหน่ายในแอปเปิลสโตร์ในวันที่ 24 ก.ย. ขณะเดียวกัน เปิดตัว Apple Watch Series 7 และ AirPods 3 ในวันเดียวกัน
กลุ่มหุ้นไอทีพร้อมเตรียมรอการเปิดตัวดังกล่าว ซึ่งมาในช่วงการคลายล็อกดาวน์ การกลับมาเปิดห้างสรรพสินค้า มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และอาจจะรวมไปถึงการยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉิน - เคอร์ฟิว และสุดท้ายการเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นในการบริโภคของประชาชน
หุ้นกลุ่มดังกล่าวที่มีหน้าร้านและได้ใบอนุญาตในการขายสินค้าแอปเปิล เตรียมนับถอยหลังเช่นกัน เพราะในช่วงท้ายปี 2563 การเปิดตัว iPhone 12 ทำให้ยอดขายกลับมากระเตื้องขึ้นชดเชยไตรมาสอื่นของปีที่ต้องปิดให้บริการ แม้ว่าจะลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนก็ตาม
ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส มองกระแสการเปิดตัว Iphone 13 ยังร้อนแรง โดยคาดเปิดตัวราคาหุ้นไอทีปัจจุบันเป็นโอกาส ทยอยซื้อสะสม โดย เน้นจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว รับประเด็นความเสี่ยงดังกล่าว จากแนวโน้มกำไรไตรมา3 ปี 2564 ที่ อ่อนตัว เพื่อรอรับโอกาสระยะยาวของ หุ้นจุดเด่น COM7 ฐานสาขาที่ ครอบคลุมทั่วประเทศ และความสามารถในบริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกระดับต้น
บล.เคทีบีเอส (ประเทศไทย) ให้เป็นปัจจัยบวกและยังมีความคาดหวังต่อการเปิดตัว iPad mini 6 หลังจากที่ไม่ได้มีการเปิดตัวมานานกว่า 2 ปี และ Macbook ประเมินว่าวันที่จะเริ่มวางขายทั่วโลก คือวันที่ 17 ก.ย. และสามารถนำมาวางขายในไทยได้ในเดือน พ.ย. (เร็วกว่าปีก่อนที่เริ่มขายได้เดือน ธ.ค.)
โดยคาดว่า บริษัทที่จะได้ผลบวกโดยตรงกลุ่มแรกจะเป็นผู้ประกอบการ Retailer อย่าง CPW, SPVI, COM7 (ซื้อ/เป้า 96.00 บาท) รวมทั้งได้รับผลบวกจากการคลายล็อกดาวน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. จะช่วยเพิ่ม traffic การซื้อสินค้าไอที ที่หน้าสาขา ในขณะที่กลุ่มถัดมาที่ได้ผลบวกจะเป็น SYNEX (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท) ในฐานะที่ เป็น Apple distributor wholesaler ในไทย