หุ้นนิคมฯ ตีปีก ตอบรับมาตรการรัฐดึงต่างชาติลงทุนไทย
“หุ้นนิคม” บวกยกแผง WHA ชี้รัฐคลอดมาตรการดึงต่างชาติลงทุน หนุนยอดโอน-ขายที่ดินไตรมาส 4/64 “บล.เอเซีย พลัส” คาดมาตรการรัฐดึงเช่า/ซื้อที่ดินระยะยาว “บล.ฟินันเซียฯ” คาดไตรมาส 3/64 เป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจ แนะซื้อรับธุรกิจฟื้นปี 65 “บล.เมย์แบงก์ฯ” ชี้สัญญาณราคาหุ้นฟื้นตัว
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนิคมอุตสาหกรรมวานนี้ (15 ก.ย.) เพิ่มขึ้นยกแผง นำโดย บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) บวก 5% หรือ 0.9 บาท มาอยู่ที่ 18.90 บาทต่อหุ้น บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) บวก 3.8% หรือ 0.12 บาท มาอยู่ที่ 3.28 บาทต่อหุ้น และ บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) บวก 3.08% หรือ 0.2 บาท มาอยู่ที่ 6.7 บาทต่อหุ้น ภายหลังรัฐบาลเห็นชอบมาตรการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวเป็นผลบวกต่อภาคธุรกิจอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติติดปัญหาเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เช่น การกักตัว รวมถึงการล็อกดาวน์ในบางช่วงเวลา ซึ่งเป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ต้นปี 2564 ซึ่งอาจส่งผลให้ประเทศไทยพลาดโอกาสในช่วงที่เกิดกระแสการเคลื่อนย้ายฐานทุนทั่วโลก
นอกจากนี้ บริษัทมองว่าภาครัฐควรกระตุ้นการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติม เช่น การเชื้อเชิญบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ในการเข้ามาลงทุนในประเทศ ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลบวกให้ยอดโอนและยอดขายที่ดินของบริษัทในไตรมาส 4 ปี 2564 ดีขึ้นอย่างแน่นอน
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมปรับขึ้นจากกระแสข่าวเชิงบวก ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการดึงดูดชาวต่างให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ผ่านสิทธิประโยชน์ต่างๆ คาดว่าจะส่งผลบวกให้การลงทุนของภาคเอกชนฟื้นตัว และส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวยังเป็นเพียงหลักการเบื้องต้นเท่านั้น จึงต้องติดตามรายละเอียดที่จะออกมาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส ยังแนะนำซื้อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แม้ว่าราคาหุ้นจะบวกขึ้นมาแล้ววานนี้ แต่ยังสามารถเข้าซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาว รับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนไทยในปี 2565
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมบวกรับ 2 ปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ พัฒนาการของการเปิดเมืองที่ยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง และมาตรการของรัฐบาลที่เตรียมเปิดประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่มีการซื้อขายที่ดินโดยตรงกับนักลงทุนต่างชาติ แม้แนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ปี 2564 จะถูกกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม มองไตรมาสนี้จะเป็นไตรมาสที่แย่ที่สุดของกลุ่ม ดังนั้น จึงแนะนำซื้อหุ้นเพื่อรับการฟื้นตัวของยอดขายที่ดินและรายได้ในปี 2565
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมีสัญญาณการดึงกลับของราคา จากเดิมที่ธุรกิจถูกกดดันจากที่นักลงทุนต่างชาติไม่สามารถเข้ามาทำธุรกรรมซื้อขายที่ดินได้ตามปกติ ส่งผลให้มีความต้องการซื้อ (ดีมานด์) อั้นอยู่พอสมควร ดังนั้น การเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นการลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจะเป็นปัจจัยหนุนปลดล็อกให้ราคาหุ้นกลับมาได้
อย่างไรก็ดี คาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งหลังที่เหลือของปี 2564 จะยังไม่กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แม้ยอดขายบางส่วนอาจกลับเข้ามาบ้างในไตรมาส 4 ปี 2564 แต่คาดว่าส่วนใหญ่จะไปกระจุกอยู่ในปี 2565 ดังนั้น จึงแนะนำซื้อลงทุนยาวเพื่อหวังกำไรปี 2565 ฟื้นตัว แม้ว่าราคาซึ่งหุ้นวานนี้จะปรับขึ้นมาแล้วระดับหนึ่ง แต่มูลค่าหุ้น (Valuation) ยังถูกเมื่อเทียบกับตลาด (แลกการ์ด) ส่วนนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้น แนะนำซื้อขายทำกำไรตามข่าว