ฉีดวัคซีน70%เงื่อนไขเปิดกรุงเทพฯยึดโมเดล‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ไม่กักตัว
“พิพัฒน์“ ย้ำฉีดวัคซีน 70% เงื่อนไขเปิดเมืองกรุงเทพฯ 15 ต.ค. ยึดโมเดล ”ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์“ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว "ไม่กักตัว" พร้อมสกัดความเสี่ยงธุรกิจบริการ ฉีดวัคซีน 100% แนะแสดงสัญลักษณ์ SHA+ เล็งหารือ ศบค.ผ่อนคลายดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แนวทางการเปิดเมืองกรุงเทพฯ จะใช้โมเดลเดียวกับ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วเที่ยวได้แบบ “ไม่กักตัว”
ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย InsideThailand ทางสถานีโทรทัศน์ MCOT HD ช่อง ๓๐ เรื่อง “กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์...15 ต.ค.” ระบุว่า การเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของกรุงเทพฯ วันที่ 15 ต.ค. นี้ เงื่อนไขสำคัญประชาชน 70% ตามทะเบียนราษฎร์จะต้องได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้วเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
ขณะที่พนักงานบริการต่างๆ อาทิ พนักงานร้านอาหาร พนักงานขับรถแท็กซี่ ฯลฯ ต้องได้รับวัคซีน 100% เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งหากได้รับวัคซีนไม่ครบ 100% อาจมีปัญหากลับมาเกิดการแพร่ระบาดอีกก็เป็นได้
ทั้งนี้ กระทรวงฯ ต้องหารือกับกระทรวงคมนาคม รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อประสานกับรถโดยสารสาธารณะต่าง ๆ สหกรณ์แท็กซี่ เพื่อให้สื่อสารและส่งเจ้าหน้าที่บริการเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้พบว่ารถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส เกือบ 100% แล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องติดป้ายแสดงสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัย SHA+ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าใช้บริการทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะรถแท็กซี่ ร้านอาหาร โรงแรม ฯลฯ ซึ่งจะมีการสื่อสารเพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวไทยพิจารณา หรือมองหาป้ายสัญลักษณ์ก่อนเข้าใช้บริการเพื่อความปลอดภัย และความสบายใจของทุกฝ่าย
“สิ่งสำคัญอยู่ที่วินัยและความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวมีวินัยจะเลือกใช้บริการก็ต้องดูที่เครื่องหมาย SHA+ แต่ถ้าเอาง่ายเข้าว่า ยกตัวอย่างออกมานอกโรงแรมแล้วโบกแท็กซี่เลยโดยไม่ดูเครื่องหมาย ซึ่งเวลานี้ทุกคนก็ต้องช่วยกัน”
สำหรับการเปิดเมืองกรุงเทพฯ จะเปิดการเดินทาง 50 เขตพร้อมกัน ขณะที่ วันที่ 1 ต.ค. ยังคงเดินหน้าเปิด 4 จังหวัดตามแผนเดิม ได้แก่ เชียงใหม่ (อ.เมืองฯ อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และเพชรบุรี (ชะอำ)
อย่างไรก็ดี วันที่ 24 ก.ย.นี้ กระทรวงฯ จะหารือ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
ถึงแนวทางผ่อนปรนให้ร้านอาหารในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในโรงแรมสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
“อยากให้ ศบค.พิจารณา โรงแรมที่นักท่องเที่ยวพักอยู่ซึ่งต้องใช้บริการคอฟฟี่ช็อปหรือร้านอาหาร เพื่อรับประทานอาหาร อาจจะมีดื่มแอลกอฮอล์บ้าง ก็อยากขอผ่อนปรนให้ดื่มได้ และเชื่อว่าคนไทยก็คงไม่เข้าไปดื่มในโรงแรม”