ส่องปรากฏการณ์ IPO "ยูนิเวอร์แซล มิวสิค" วันเดียว มูลค่าพุ่ง 5 แสนล้าน!
ส่องปรากฏการณ์ "ยูนิเวอร์แซล มิวสิค" ค่ายเพลงเบอร์ 1 ของโลก ต้นสังกัดศิลปินชั้นนำอย่าง จัสติน บีเบอร์, เลดี้ กาก้า, เทย์เลอร์ สวิฟต์ เปิดขายหุ้นครั้งแรกวันเดียว ดันมูลค่าบริษัทพุ่ง 5 แสนล้านบาท นักลงทุนมองเห็นศักยภาพอะไรในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่รายนี้
เมื่อวันอังคาร (21 ก.ย.) “ยูนิเวอร์แซล มิวสิค” ค่ายเพลงระดับโลก เปิดขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หรือ ไอพีโอ (IPO) โดยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ยูโรเน็กซ์ อัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์เพียงวันเดียว ก็สร้างปรากฏการณ์เขย่าตลาดหุ้นยุโรปและวงการเพลงโลก
หุ้นยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป หรือ UMG ซึ่งนับเป็นไอพีโอมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นยุโรปปีนี้ ปิดเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเกือบ 40% จากราคาเปิด 18.50 ยูโร มาปิดที่กว่า 25 ยูโร ทำให้มูลค่าของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มีฐานในสหรัฐ พุ่งพรวดกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 5 แสนล้านบาทในวันเดียว!
ก่อนไอพีโอ บริษัท UMG มีมูลค่าอยู่ที่ราว 3.93 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท) แต่หลังจากปิดตลาดวันแรก มูลค่าบริษัทก็ทะยานเป็น 5.43 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.8 ล้านล้านบาท
แม้แต่เว็บไซต์นิตยสารธุรกิจเพลงอย่าง Music Business Weekly ให้ความเห็นต่อปรากฏการณ์นี้ว่า จริงๆ ก็คาดไว้แล้วว่า UMG จะเปิดตัวได้อย่างน่าประทับใจในตลาดหุ้นอัมสเตอร์ดัมวันแรก แต่ไม่คิดว่าจะสวยหรูขนาดนี้
ใครเป็นเจ้าของ UMG
ยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุ๊ป หรือ UMG เป็นค่ายเพลงใหญ่ที่สุดในโลก และมีศิลปินชื่อดังคับคั่งอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์, จัสติน บีเบอร์, เลดี้ กาก้า, เดรก และมารูนไฟว์ ฯลฯ โดยมีเจ้าของเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสอย่าง “วิวองดี” (Vivandi)
วิวองดีถือหุ้นใหญ่โดย “แวงซองต์ บอลลอเร” มหาเศรษฐีฝรั่งเศส ซึ่งประกาศตัวเป็นเจ้าพ่อสื่อปีกขวาทรงอิทธิพลของประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจโทรทัศน์ โฆษณา และสิ่งพิมพ์ มากกว่า
UMG ซึ่งมีสำนักงานใหญ่รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นแหล่งทำเงินสูงสุดสำหรับอาณาจักรสื่อ วิวองดี โดยสร้างรายได้ 7,400 ล้านยูโรในปีที่แล้ว คิดเป็น 46% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทแม่
แม้วิวองดียังถือหุ้นส่วนใหญ่ใน UMG แต่ก่อนหน้านี้ได้ขายหุ้น 20% ให้กับ “เทนเซ็นต์” บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน และอีก 10% ให้กับ บิล แอคแมน นักการเงินชื่อดังชาวอเมริกัน
หนึ่งใน Big 3 วงการเพลง
UMG เป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในกลุ่ม “Big 3” ของอุตสาหกรรมเพลงโลก โดยคู่แข่งอีก 2 รายคือ “วอร์เนอร์ มิวสิค กรุ๊ป” และ “โซนี่ มิวสิค”
ก่อนหน้านี้ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกับอีก 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ เพราะเคยได้รับผลกระทบหนักจากเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ แต่กลับมามีกำไรเพิ่มขึ้นในยุคของ “สตรีมมิง”
บรรดานักวิเคราะห์ ระบุว่า อุตสาหกรรมเพลงโลกถูกประเมินค่าต่ำกว่าความเป็นจริง “เจพี มอร์แกน คาเซโนฟ” โบรกเกอร์ชื่อดังในเครือเจพี มอร์แกน คาดว่า มูลค่าที่แท้จริงของ UMG อาจสูงถึง 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2.13 ล้านล้านบาท
ปีที่แล้ว UMG ซื้อลิขสิทธิ์ผลงานเพลงทั้งหมดของศิลปินดัง “บ็อบ ดีแลน” มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นหนึ่งในการซื้อลิขสิทธิ์เพลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลง
ไม่ใช่แค่เพลง
หลังจากเข้าตลาดหุ้นอย่างเป็นทางการ คาดว่า UMG จะไม่พึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมเพลงเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
หนังสือชี้ชวนสำหรับไอพีโอ ระบุว่า ปัจจุบัน 3 ธุรกิจหลักของ UMG ประกอบด้วย เพลงอัดเสียง, การจำหน่ายเพลง และการโฆษณา แต่ขณะนี้ บริษัทกำลังขยายไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ เช่น การจัดแสดงสด, การไลฟ์สตรีม, ภาพยนตร์, โทรทัศน์ และพอดคาสต์ ด้วย
รายได้กว่าครึ่งหนึ่งของธุรกิจเพลงอัดเสียงของ UMG มาจากอัลบั้มเพลงรวมฮิตย้อนวันวานที่มีอายุกว่า 3 ปีขึ้นไป ขณะที่ 46% มาจากอัลบั้มเพลงใหม่
“ราคาหุ้นปิดตลาดสูงเกินคาดของ UMG สะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในบริษัท” แคสเปอร์ เดอ ไวรส์ ศาสตราจารย์ด้านการเงินระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยเอรามุสในรอตเตอร์ดัม กล่าว
-----------