"SCB" ตั้งโฮลดิ้งฯ ขยายฐานลูกค้า-ดันมาร์เก็ตแคป

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) กล่าวว่า กลุ่มไทยพาณิชย์ได้จัดตั้งบริษัทแม่ภายใต้ชื่อ “SCBX” (เอสซีบี เอกซ์) เพื่อเร่งขยายธุรกิจเชิงรุกเข้าสู่ธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น และเป็นการยกระดับสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคภายในปี 2568   

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อวานนี้ 22 ก.ย2564 มีมติเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 พ.ย.2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินไทยพาณิชย์ และแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยธนาคารจะจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัด คือ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)  หรือ SCBX เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน หรือ โฮลดิ้งคอมเพนี และจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แทนที่หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ที่ซื้อขายอยู่ในปัจจุบัน

หลังจากนั้นธนาคารจะดำเนินการโอนหุ้นซึ่งธนาคารถือในบริษัทย่อย ให้แก่ SCBX หรือ บริษัทย่อยของ SCBX และธนาคารจะโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ให้แก่บริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ของ SCBX โดย SCBX จะถือหุ้นในบริษัทย่อยดังกล่าวเกือบทั้งสิ้น เพื่อมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน

สำหรับกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจธนาคารควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจใหม่สำหรับอนาคตนั้น ในส่วนของธนาคารจะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการปรับลดกระบวนการขั้นตอนต่างๆให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปให้มากที่สุดในทุกช่องทาง ธนาคารจะเน้นความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าเป็นที่ตั้ง 

โดยไทยพาณิชย์จะไม่เท่ากับธนาคารในความหมายเดิมอีก แต่จะแปลงสภาพกลายเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน(เทคคอมเพนี)ที่มีธุรกิจธนาคารที่แข็งแรงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และจะขยายเข้าสู่ธุรกิจการเงินส่วนบุคคลที่มีการเติบโตสูงที่ธนาคารไม่สามารถตอบสนองได้ โดยแต่ละธุรกิจธนาคารจะร่วมมือกับพันธมิตรระดับประเทศ และระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่ง ที่จะเริ่มเปิดตัวในเร็วๆนี้  

ซึ่งการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้ ไทยพาณิชย์ตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 ฐานลูกค้าจะเพิ่มเป็น 200 ล้านคน จากปัจจุบัน 16 ล้านคน และ ดันกำไร(Earning) เพิ่มขึ้น 1.5 -2 เท่า ขณะที่มาร์เก็ตแคปจะแตะ 1 ล้านล้านบาท พร้อมกับผลักดันให้บริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีราว 15-16 บริษัท และยังอยู่ในแผนงานอีกหลายบริษัทที่่จะผลักดันออกมาหลังจากนี้ พร้อมภารกิจเชื่อมต่อ ecosystem ทั้งในและต่างประเทศ โดย “SCBX” จะยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่ใกล้ชิดของธนาคารแห่งประเทศไทย