XPG โชว์ยอดจอง "สิริฮับ" เหลือ200 ล้านบาทสุดท้ายก่อนปิดขาย
นักลงทุนแห่จอง "สิริฮับ" เหลือจองก่อนโค้งสุดท้าย 200 ล้านบาทจาก 2,400 ล้านบาท จนถึง 4 ต.ค. นี้ ด้าน XPG มั่นใจเป็นการลงทุนที่มีศักยภาพ-ผลตอบแทนและกำไรคุ้มค่า
นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ภายใต้ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG กล่าวว่า “สิริฮับโทเคน” Real Estate-Backed ICO ตัวแรกของไทย ที่เสนอขายแก่ประชาชน 21 ก.ย.นั้นมีนักลงทุนแห่จองล้นหลาม หลังเปิดให้จองเพียงสัปดาห์แรก สามารถกวาดยอดจองจากนักลงทุนทั้งรายย่อยและรายใหญ่พุ่งกว่า 90% มูลค่า 2,200 ล้านบาท จากมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 2,400 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนจองก่อนหมด200 ล้านบาทสุดท้าย ผ่านแอปฯ XSpringตลอด 24 ชั่วโมง จนถึง4 ต.ค.นี้
ด้วยจุดเด่นที่เปิดโอกาสให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพันล้าน ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 10 บาท มีสินทรัพย์มูลค่าสูงเป็นหลักประกัน ได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาโครงการ 4 ปี จากค่าเช่ากลุ่มอาคารสำนักงาน สิริ แคมปัส สำนักงานใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ซึ่งเป็นบริษัทที่มีเครดิตเรทติ้งในระดับความน่าเชื่อถือสูงมาก อีกทั้งศักยภาพของโครงการจากการประเมินมูลค่าที่ดินในอนาคตมี โอกาสลุ้นอัพไซด์สูง
“สามารถเสนอขายโทเคนดิจิทัลได้เป็นเจ้าแรกของประเทศเร็วกว่าคู่แข่งรายอื่นๆซึ่ งการได้รับอนุมัติเสนอขายจากก.ล.ต. แสดงให้เห็นว่าเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล มีความมั่นคง โปร่งใส และปฏิบัติตามกลไกคุ้มครองนักลงทุนอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ เรายังเลือกนำเสนอโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่มีอสังหาริมทรัพย์อ้างอิง (Real Estate-Backed ICO) ซึ่งเป็นประเภทโทเคนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดทุนต่างประเทศเพราะเป็นโทเคนที่มีความมั่นคงสูงและความเสี่ยงต่ำ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เอ็กซ์สปริงดิจิทัล มีความเชื่อมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนรูปแบบต่าง ๆ ที่จะทลายขีดจำกัดของการลงทุนแบบเดิม พร้อมเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ประชาชนและนักลงทุนทุกกลุ่ม ดังนั้น นักลงทุนรวมถึงประชาชนทั่วไปจึงมั่นใจได้เลยว่า ‘สิริฮับ’ จะเป็นโอกาสใหม่แห่งการลงทุนที่เปี่ยมศักยภาพ มอบผลตอบแทนและกำไรที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน”
“สิริฮับโทเคน” เสนอขายจำนวน 240 ล้านโทเคน ราคา 10 บาทต่อโทเคน โดยแบ่งเสนอขายเป็น2 กลุ่ม ได้แก่ สิริฮับ A (SiriHubA) มูลค่าการระดมทุน 1,600 ล้านบาท มอบส่วนแบ่งรายได้รายไตรมาสสูงสุด4.5% ต่อปี และ สิริฮับ B (SiriHubB)มูลค่าการระดมทุน 800 ล้านบาทมอบส่วนแบ่งรายได้รายไตรมาสสูงสุดถึง 8% ต่อปี1รวมมูลค่าการระดมทุนของทั้งสองกลุ่มที่ 2,400 ล้านบาท นอกจากนี้ทั้งสองกลุ่มจะได้รับส่วนแบ่งจากการจำหน่ายทรัพย์สินเมื่อสิ้นสุดโครงการ โดยเสนอขายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา และ จะปิดการขายในวันที่ 4 ต.ค. 2564 เวลา 15.30 น.
สำหรับการจะเลือกซื้อโทเคนสิริฮับ A หรือสิริฮับ B นั้นขอให้นักลงทุนพิจารณาเงื่อนไขผลตอบแทนให้ละเอียดเนื่องจากทั้งสองตัวต่างมีข้อดีที่แตกต่างกันหากเทียบส่วนแบ่งรายไตรมาสต่อปี สิริฮับ B จะมอบส่วนแบ่งรายไตรมาสที่ 8% ต่อปี1ในขณะที่สิริฮับA ได้รับ 4.5% ต่อปี1แต่สิริฮับAมีความพิเศษคือ หลังจบโครงการระยะ 4 ปี ผู้ถือสิริฮับ A จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการขายโครงการสิริแคมปัสก่อนผู้ถือสิริฮับ B ซึ่งความพิเศษนี้ทำให้ผู้ถือสิริฮับ A รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในระหว่างการถือครองโทเคน 4 ปีนั้น
ทั้งสองกลุ่มจะได้รับผลตอบแทนรายไตรมาสตามที่ระบุไว้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในปัจจุบันหลายเท่าตัวสิ่งนี้คือดอกผลที่ผู้ถือโทเคนทั้งสองกลุ่มจะได้รับอย่างแน่นอน และเมื่อครบกำหนดอายุโครงการ 4 ปี หลังการประมูลขายกลุ่มอาคารสำนักงานสิริ แคมปัส เสร็จสิ้น ผู้ลงทุนที่ถือสิริฮับ A จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการขายมูลค่า 1,600 ล้านบาทแรกก่อนผู้ถือสิริฮับ B ซึ่งจะได้รับส่วนที่เกินจาก 1,600 ล้านทั้งหมด ซึ่งจากการประเมินมูลค่าที่ดินมีโอกาสสูงมากที่จะขายทรัพย์สินโครงการได้เกิน 2,400 ล้านบาท เท่ากับว่าผู้ถือสิริฮับ B มีสิทธิ์ลุ้นอัพไซด์ในปีที่ 4
นอกจากนี้ เมื่อได้รับการจัดสรรโทเคนแล้ว ยังสามารถนำไปซื้อ-ขายได้ในตลาดรอง ซึ่งเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ได้จับมือกับ บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX) ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.ที่นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ถึงความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย
“โค้งสุดท้ายสำหรับนักลงทุนและประชาชนที่สนใจลงทุนอย่างมั่นคงปลอดภัยกับ‘สิริฮับโทเคน’ สามารถจองซื้อได้ผ่านแอปพลิเคชัน XSpring ทั้งระบบ iOS และ Android ก่อนปิดการขายในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ เวลา 15.30 น. เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เพราะในแง่ของการลงทุน นักลงทุนที่เล็งเห็นและคว้าโอกาสลงทุนแต่เนิ่น ๆแบบ Early bird ย่อมมีโอกาสในการสร้างรายรับและผลตอบแทนที่แน่นอนและมั่นคงสูงกว่าการเข้าไปซื้อในตลาดรอง” นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ กล่าวสรุป