โภคภัณฑ์ด้านพลังงานยังเด่น ในขณะที่ตลาดจะโฟกัสประมาณการกำไร

โภคภัณฑ์ด้านพลังงานยังเด่น ในขณะที่ตลาดจะโฟกัสประมาณการกำไร

หุ้นโลกผันผวนเรายังให้โฟกัสที่ประมาณการกำไรบจ. สหรัฐฯ ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ซึ่งช่วยให้มีงบประมาณไปจนถึง 3 ธ.ค.

ภาพรวมการลงทุนตลาดผันผวนจากความกังวลหลายปัจจัยทั้งการเพิ่มเพดาหนี้อย่างเป็นทางการ, การปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตร (QE tapering), การขึ้นดอกเบี้ยที่อาจเริ่มขึ้นในปี 2565 ที่เร็วกว่าคาดการณ์เดิม,  การขึ้นภาษีนิติบุคคล, ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ, การระบาดของสายพันธ์เดลต้า อย่างไรก็ตามในมุมมองเราคิดว่าสิ่งที่ตลาดจับตาคือผลกระทบของปัจจัยข้างต้นโดยรวมที่มีต่อประมาณการกำไรบจ. โดยหุ้นสหรัฐฯ มีวัฏจักรกำไร (Earnings cycle) เป็นขาขึ้นมาตั้งแต่วิกฤติโควิด แต่เริ่มเห็นสัญญาณชะลอประมาณการกำไรตั้งแต่ ส.ค.64 เป็นต้นมา ดังนั้นตลาดจะจับตาแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/64 และอาจเห็นแรงทำกำไรในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มกำไรไม่แน่นอน

รัฐบาลจีนสั่งบริษัทพลังงานชั้นนำให้จัดหาพลังงานสำหรับหน้าหนาว  รัฐบาลจีนสั่งการรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานทั้งไฟฟ้า ถ่านหิน และน้ำมัน ให้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด (at all cost) ในการจัดหาพลังงานให้พอเพียงสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง ซึ่งสัญญาณดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ถึงการที่จีนเองเองจะมีการซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงานเพิ่มเติม ส่งผลบวกต่อการปรับขึ้นของน้ำมันดิบ, ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ทำให้ในระยะสั้นปัจจัยดังกล่าวยังเป็นบวกต่อความเคลื่อนไหวหุ้นพลังงาน อย่างไรก็ตามอาจต้องระวังผลกระทบในเชิงต้นทุนที่มีต่อผู้ใช้พลังงาน หรือบริษัทที่ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวออกไปได้

CPF ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนรอบใหม่แต่อาจต้องระวังแนวโน้มกำไร CPF ประกาศซื้อหุ้นคืน จำนวน 400 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.65% ของทุนชำระแล้ว โดยมีวงเงินซื้อหุ้นคืน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลา 15 ต.ค.64-14 เม.ย.65 ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวออกมาพร้อมกับการที่บริษัทย่อยในฮ่องกง (CPP) ที่ CPF ถือหุ้น 52.24% (ทั้งทางตรงและอ้อม) 

 

เปิดเผย คำเตือนเกี่ยวกับกำไรตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่ากำไรช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ลดลงเหลือเพียง 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ 441 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลง 75% เนื่องจากการลดลงของราคาเนื้อสัตว์ในจีนและเวียดนาม ทำให้กำไรไตรมาส 3/64 และ 9 เดือนของปี 2564 มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ธีมการลงทุนระยะสั้น  1) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP, BANPU 2) การเพิ่มเพดานหนี้เป็น 70% และแผนกู้เงินเพิ่ม จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH, THRE, BLA 3) หุ้นธีมเปิดเมืองยังน่าสนใจแม้อาจย่อจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผ่อนคลายกทม.ที่น่าจะล่าช้าไปจาก 15 ต.ค. CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 4) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 5) เก็งกำไรทางเทคนิค WIIK, FORTH, FSMART, TNP, TWPC, NER, HFT, BEC, CPI, TKS, SKN, TPS, CTW, DEMCO

ภาพรวมกลยุทธ์: ยังอยู่ในแนวโน้มแกว่งลง (sideways down) โดยมีแนวรับ 1,605 และ 1,585 ตามลำดับ โดยจับตากลุ่มพลังงานจะสามารถทะลุแนวต้านสำคัญขึ้นไปได้เพื่อเปลี่ยนกรอบการเล่นได้หรือไม่? //หุ้นแนะนำ: BANPU*, UVAN*, AJ*, GGC*

แนวรับ: 1,585-1,605/ แนวต้าน : 1,623-1,630 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

พาวเวลเตือนเงินเฟ้อสูงนานกว่าคาด - ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้สภาฯปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐภายในวันที่ 18 ต.ค.

MAJOR – เปิดบริการทุกโรงภาพยนตร์วันนี้ ดันหนัง 30 เรื่องเข้าฉายต่อเดือน

COM7 – เปิดจองไอโฟน-13 วันนี้ ได้เครื่องล็อตแรก 8 ต.ค. ชี้เปิดจองเร็วมีจำนวนวันขายสูงกว่าปีที่ผ่านมา ย้ำผลงานไตรมาส 3/64 ยังโต เหตุปรับตัวตั้งสาขาในปั๊มเดินหน้าขยายสาขาครบ 1,000 สาขาปีนี้

NOK - “ศาลล้มละลายกลาง” เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ NOK แล้ว พร้อมตั้งคณะผู้บริหารแผน 4 ราย วางแผนกู้เงิน 280 ล้านในปีหน้าเพื่อเสริมสภาพคล่อง พร้อมเพิ่มทุนอีก 2 ครั้ง รวม 4,600 ล้านบาท

WHAUP ดำเนินกระบวนการอนุญาโตตุลาการที่เวียดนาม - จากการเข้าลงทุนในโครงการ Doung River Surface WaterPlant Joint Stock Company (SDWTP) ที่ผลิตน้ำประปาในฮานอย ในสัดส่วน 34% มูลค่า 2,471 ล้านบาท (ณ วันลงทุน) ซึ่งให้สิทธิ์ WHAUP ขายเงินลงทุนคืนพร้อมผลตอบแทน หากผู้ถือหุ้นใหญ่ในโครงการ (Aqua One) ไม่สามารถนำใบรับรองการจดทะเบียนการลงทุนที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 300,000 ลบ.ม./วัน เป็น 600,000 ลบ.ม./วัน มาแสดงภายใน 25 ต.ค.63

ประเด็นติดตาม: -  1 ต.ค.: EU CPI เดือน ก.ย. / 5 ต.ค.: TH CPI เดือน ก.ย.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)