คลังเผยพิโกไฟแนนซ์ช่วยลูกหนี้กระทบโควิดกว่า1.2หมื่นราย
คลังเผยพิโกไฟแนนซ์ 358 รายให้ความช่วยเหลือลูกหนี้กระทบโควิด-19 กว่า 1.2 หมื่นราย ผ่านการลดค่างวดและขยายเวลาชำระหนี้ ขณะที่ สศค.สั่งลดค่าใช้จ่ายทวงถามหนี้จาก 80 บาท เหลือ 50 บาทต่อครั้ง มีผลตั้งแต่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
นางสาวสภัทร์พร ธรรมาภรณ์พิลาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนก.ค.นี้ มีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้ความร่วมมือกับสศค.เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับลูกหนี้ ประกอบด้วย การลดค่างวด การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การเปลี่ยนประเภทหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว การพักชำระค่างวด การพักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน และการพักชำระเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ยจำนวนทั้งสิ้น 358 ราย ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จำนวน 12,021 บัญชี โดยจังหวัดที่ผู้ประกอบธุรกิจให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา 2,567 บัญชี กรุงเทพมหานคร 1,014 บัญชีและขอนแก่น 906 บัญชี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา สศค. ได้ออกประกาศ สศค. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (ฉบับที่ 3) ปรับลดค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้สำหรับการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) ที่ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเรียกเก็บได้จาก 80 บาท/เดือน/ราย ลงเหลือ 50 บาท/เดือน/ราย เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้เรื่องการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้ ลงวันที่ 9 ส.ค. 2564 โดยค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้อัตราใหม่ดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป
สำหรับภาพรวมการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ณ สิ้นเดือนส.ค.2564 มีจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้วสะสมสุทธิ1,004 ราย ใน 75 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (586 ราย)รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง (169 ราย) ภาคเหนือ (131 ราย) ภาคตะวันออก (66 ราย)และภาคใต้ (52 ราย)ตามลำดับ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนธ.ค.2559 ที่กระทรวงการคลังได้เปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จนถึงสิ้นเดือนก.ค.2564ได้มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 952,123 บัญชี รวมเป็นวงเงิน 14,676.98 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 15,415บาทต่อบัญชี ซึ่งมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1.สินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์ ณ สิ้นเดือนส.ค.2564มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกไฟแนนซ์สะสมสุทธิทั้งสิ้น889 ราย ใน 74 จังหวัดและมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 860 รายใน 74 จังหวัดโดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ นครราชสีมา (79 ราย) กรุงเทพมหานคร (69 ราย) และขอนแก่น (51 ราย)
2.สินเชื่อประเภทพิโกพลัส ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2564มีจำนวนผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อประเภทพิโกพลัสสะสมสุทธิทั้งสิ้น 160 รายใน 50 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 1 จังหวัด ได้แก่ นครนายก) และมีจำนวนผู้เปิดดำเนินการแล้ว 144 ราย ใน 45 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้เปิดดำเนินการมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ นครราชสีมา (22 ราย) อุดรธานี (10 ราย)อุบลราชธานีและกรุงเทพมหานคร (จังหวัดละ 8 ราย)
3.ภาพรวมสถานะสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม2564มียอดสินเชื่อคงค้างจำนวนทั้งสิ้น228,163บัญชี คิดเป็นจำนวนเงิน 4,495.84ล้านบาทโดยมีสินเชื่อค้างชำระ 1 - 3 เดือน สะสมรวมทั้งสิ้น 29,547 บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 666.15ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วน 14.82% ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม และมีสินเชื่อค้างชำระที่เกินกว่า 3 เดือน (NPL) สะสมรวมจำนวน 35,129บัญชี หรือคิดเป็นจำนวนเงินสะสมรวม 815.64ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 18.14%ของยอดสินเชื่อคงค้างสะสม
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังคงดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาคีแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมายซึ่งนับตั้งแต่เดือนต.ค.2559 จนถึงสิ้นเดือนส.ค.2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบที่กระทำผิดกฎหมายจำนวนสะสม 9,997ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค.2564 จำนวน 224 ราย
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่เปิดดำเนินการได้ทางเว็บไซต์ www.1359.go.th และสามารถร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมายได้โดยตรงที่
• สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน1599
• ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567
• ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359
• ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.) โทร.025753344