ผู้ถือหุ้น PLANET ไฟเขียวเพิ่มทุน 124.99 ล้านหุ้น พร้อมออกวอร์แรนท์ 3:1
PLANET เผยผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน 124.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รองรับการแจกวอร์แรนท์ในอัตราการ 3 : 1 พร้อมนำเงิน ลุยธุรกิจ Cyber Security - 5G -ผลิตน้ำประปาและไฟฟ้า เต็มสูบ มั่นใจผลงานตลอดทั้งปี 2564 นี้ เป็นที่น่าพอใจ และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต
นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการ ผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 124.99 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 374.99 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 499.99 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 124.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 (PLANET-W1) จากการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 (PLANET-W1) จำนวนไม่เกิน 124.99 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) โดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยวอร์แรนต์ดังกล่าวมีอายุ 2 ปี และราคาใช้สิทธิที่ 2 บาท ต่อหุ้น
ที่ประชุมยังมีมติอนุมัติให้ลดทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 375 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 374.99 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายจำนวน 3 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งคงเหลือจากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering)
สำหรับวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ นอกจากจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนแล้ว ยังสำหรับรองรับการขยายธุรกิจเพิ่มเติมในอนาคตโดยมุ่งขยายตลาดสินค้า New S Curve ประกอบด้วย การขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีกลุ่มระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ (Cyber Security) ที่ปัจจุบันตลาดมีการเติบโตสูงมาก รวมถึงการขยายธุรกิจในกลุ่มสินค้าด้านเทคโนโลยี 5จี อาทิ Cloud Computing, IoT Platform, CCTV/Video Analytics, Data Center, Telemedicine และ Energy ผ่านโครงข่ายสื่อสาร 5จี ซึ่งตลาดที่กำลังมีแนวโน้มต้องการเทคโนโลยีอัจฉริยะสูงในตอนนี้คือ ตลาดในกลุ่มเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
นอกจากนี้ ยังใช้สำหรับการดำเนินงานในธุรกิจใหม่ เกี่ยวกับบริหารจัดการให้บริการผลิตนํ้าประปาและไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย หลังได้จัดตั้งบริษัทย่อย "บริษัท แพลนเน็ตยูทิลิตี้ จำกัด" ขึ้นมาเพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มเติมเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนกลุ่มธุรกิจเดิม เกี่ยวกับการจำหน่ายเทคโนโลยีกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม (Telecom) ซึ่งเป็น ประกอบด้วย ระบบโครงข่ายสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบสื่อสารมีสายและไร้สาย และระบบสื่อสารผ่านไฟเบอร์ออฟติก ของบริษัทฯ แม้ปัจจุบันการเติบโตจะไม่สูงมากนัก แต่ยังสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทฯอย่างต่อเนื่องอยู่
"มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ตลอดทั้งปี 2564 นี้ จะออกมาเป็นที่น่าพอใจ และในอีก 2-3 ปี ข้างหน้าจะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งแน่นอน"