XPG เข้าตารายใหญ่ ผู้บริหารเผยนลท.สนใจถือหุ้น
XPG ราคาพุ่งแรง 14% "บล.เมย์แบงก์ฯ" ชี้ ขานรับ “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” ดอดเก็บหุ้นเพิ่ม 5.7% “ผู้บริหาร” คาดมีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาซื้อหุ้น เหตุ เชื่อมั่นแผนดำเนินธุรกิจ
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG วานนี้ (6 ต.ค.2564) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด โดยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 3.72 บาทต่อหุ้น ก่อนจะปรับลงมาปิดตลาดที่ 3.58 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.44 บาทต่อหุ้น หรือ 14.01%
ขณะที่นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)หรือ MTC แจ้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซื้อหุ้น XPG 511.22 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.74% ทำให้ภายหลังการซื้อหุ้นครั้งนี้ถือเป็น 686.10 ล้านหุ้น หรือ 7.70%
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล เปิดเผยว่า จากการที่ นายชูชาติ เข้าซื้อหุ้นเพิ่ม เบื้องต้นแจ้งกับบริษัทว่าเป็นการเข้ามาถือหุ้นในฐานะนักลงทุนเท่านั้น และยังไม่มีแผนเข้ามาร่วมทำธุรกิจด้วย โดยคาดว่าการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงนักลงทุนรายย่อยเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะมั่นใจในธุรกิจของบริษัท โดยคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ในอนาคตข้างหน้าจะมีนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท เนื่องจากมีนักลงทุนติดต่อสนใจเข้ามาถือหุ้น โดยจะเป็นการซื้อในกระดาน แต่จะซื้อเมื่อไรนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักลงทุน
อย่างไรก็ดี การเข้ามาร่วมทุนเพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในลักษณะเดียวกันกับกลุ่ม บมจ.แสนสิริ และกลุ่มวิริยะประกันภัย คาดว่าจะยังไม่เห็น เพราะ มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นราว 7 พันล้านบาท เพียงพอต่อการลงทุนในอนาคต
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น XPG ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่าเกิดจากที่หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทแจ้งต่อ ก.ล.ต. เพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม ซึ่งรายการดังกล่าวมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งบริษัทยังประสบความสำเร็จในการเสนอขายสิริฮับ โทเคน ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท
สำหรับคำแนะนำลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นร้อนแรง ดังนั้น การลงทุนระยะสั้น แนะนำซื้อขายทำกำไรด้วยความระมัดระวังในกรอบ 3.00-3.70 บาทต่อหุ้น ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาวแนะนำ “ตั้งรับ” ในกรอบ 3.00-3.70 บาทต่อหุ้นเช่นกัน แต่ต้องเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง