เปิดอาณาจักร ความมั่งคั่ง “ยักษ์” เครื่องดื่มเอเชีย “ไทยเบฟ” วัดขุมกำลัง! 

หากจะเอ่ยถึงยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มในประเทศไทย แน่นอนว่าหนีไม่พ้น บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ที่มีสินค้าในพอร์ตโฟลิโอมากมา เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สุราขาว สุราสี เบียร์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์หมวดหมู่ต่างๆ อย่าง ชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ, น้ำอัดลมเอส, ฮันเดรดพลัส, น้ำดื่มช้าง, น้ำดื่มคริสตัล, น้ำแร่ช้าง, โซดาร็อคเมาเท่น ฯ แต่ละปีบริษัททำรายได้หลัก “แสนล้านบาท โกยกำไรเสริมความมั่งคั่งหลัก “หลายหมื่นล้านบาท”  

ที่ใหญ่และอยู่มานานกว่า 8 ทศวรรษ ต้องยกให้อาณาจักร “บริษัท บุญรอดบริเวอรี่ จำกัด” ที่ทำรายได้หลัก “แสนล้านบาท” เช่นกัน สินค้าในพอร์ตโฟลิโอเป็น “ผู้นำตลาด” อย่างแข็งแกร่ง ทั้งเบียร์สิงห์ เบียร์ลีโอ กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น โซดาสิงห์ น้ำดื่มสิงห์ น้ำแร่เพอร์ร่า, น้ำผสมวิตามินพอร์ร่า เป็นต้น 

ในเซ็กเตอร์เครื่องดื่ม ยังมีผู้เล่นอื่นๆ ทั้งอิชิตัน กรุ๊ป, เซ็ปเป้, ซันโทรี่ เป๊ปซี่, ไทยน้ำทิพย์, โคคา-โคล่า, โอสถสภา, คาราบาว กรุ๊ป, กลุ่มธุรกิจทีซีพี เป็นต้น ที่ใหญ่ทำเงินนับ “หมื่นล้านบาท” ต่อปี และต่างมีเป้าหมายทยานสู่เวทีการค้าระดับภูมิภาค และระดับโลก 

ทว่า ในสงครามการค้า ไม่ต่างจากสนามรบ ที่ผู้ประกอบการต้อง “รู้เขารู้เรา” เพื่อรบร้อยครั้งหากไม่ชนะทั้งร้อยครั้ง ก็ขอให้ชนะมากกว่าแพ้!!

“ไทยเบฟเวอเรจ” อาณาจักรเครื่องดื่มและอาหารของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ที่มีทายาทลำดับที่ 3 อย่าง “ฐาปน สิริวัฒนภักดี” เป็นผู้นำทัพเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมี Passion 2025 ต้องการพาบริษัทให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเก็บเกี่ยวผู้บริโภคเป้าหมายราว 670 ล้านคน 

“ฐาปน” ย้ำเสมอว่า แม้ไทยเบฟ เป็นบริษัทไทย แต่หมุดหมายสำคัญคือการใช้ “ธงอาเซียน” นำทัพธุรกิจ เพราะในเครือยังมีบริษัทลูกปักหมุด ตั้งฐานทัพหลายประเทศ เป็นอาเซียน+ T=Thailand ประกอบด้วย เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น โดยบริษัทหัวหอกที่สำคัญมีทั้งไทยเบฟ เฟรเซอร์แอนด์นีฟ(เอฟแอนด์เอ็น) และเฟรเซอร์ เบอร์ฮาด ในประเทศมาเลเซีย แกรนด์รอยัลกรุ๊ป ในเมียนมา และไซ่ง่อน เบียร์ แอลกอฮอล์ เบฟเวอเรจ คอร์เปอเรชั่นหรือ SABECO ในประเทศเวียดนาม เป็นต้น 

เมื่อ “ฐาปน” จะเบ่งธุรกิจเครื่องดื่มให้ใหญ่ยิ่งขึ้น จึงมักจะหยิบรายนาม “คู่แข่ง” ที่เป็นบิ๊กแบรนด์ บิ๊กคอร์ปมาเทียบ “ยอดขาย” และ “มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด” หรือ MarKet Cap ให้เห็นเป็นประจำทุกปี ว่าใครเป็นใครในสมรภูมิเครื่องดื่มโดยรวม กรุงเทพธุรกิจ จึงเทียบฟอร์มกันให้เห็นขุมกำลังของแต่ละราย 

 

ด้าน “รายได้” ยักษ์เครื่องดื่มจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง “อาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” นำโด่ง โกยเงินกว่า 18,250 ล้านดอลลาร์ ไล่ตามมาคือ “คิริน โฮลดิ้งส์” ด้วยเม็ดเงิน 16,645 ล้านดอลลาร์ และลำดับ 3 เป็นพี่เบิ้มน้ำเมาจากแดนมังกรอย่าง “กุ้ยโจว เหมาไถ” (Kweichow Moutai) แต่ยังมีบริษัทอื่นๆที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำเช่นกัน โดยผู้อ่านสามารถดูได้จากกราฟฟิกด้านบน และกราฟนี้จะเห็นว่า “ไทยเบฟ” รวมกับ “เอฟแอนด์เอ็น” ติดท็อป 7 ในด้านรายได้ 6,227 ล้านดอลลาร์ ซึ่งปี 2563(ปีงบประมาณต.ค.62-ก.ย.63)รายได้กว่า 2.53 แสนล้านบาท 

ส่วนมาร์เก็ตแคป ที่บ่งบอกถึงมูลค่าของบริษัท หากจะเข้าไปลงทุน มูลค่าทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ ยิ่งกว่านั้น เผื่อสนใจซื้อกิจการ จะได้รู้ว่าต้องใช้กำลังเงินมากมายแค่ไหน เพื่อเข้าไปฮุบ!! เป็นต้น 

สำหรับยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มที่ทำรายได้มั่งคั่ง แต่มูลค่าบริษัททั้งหมดในสายตาของ “นักลงทุน” อาจไม่มาก และไม่สะท้อนความน่าสนใจย่อมเป็นได้ ทั้งนี้ ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มญี่ปุ่นทำเงินสูงสุด แต่มาร์เก็ตแคป กลับเป็น “มังกร” ที่ผงาดถึง 4 อันดับแรก เริ่มจาก “เหมาไถ” มีมาร์เก็ตแคปกว่า 319,500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กลับอยู่อันดับ 7 มูลค่า 24,900 ล้านดอลลาร์ ส่วนไทยเบฟ และเอฟแอนด์เอ็น ไม่หลุด Top 10 มีมาร์เก็ตแคป 13,700 ล้านดอลลาร์

"เหมาไถ" ไม่ได้เป็นแค่ชื่อแบรนด์ แต่ประวัติของ "เหมาไถ" มีนับ "พันปี" ขณะที่ตัวสุราเหมาไถเอง ถูกยกย่องให้เป็นสุราประจำชาติของจีน ที่ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วย ทั้งนี้ ปี 2559 "เหมาไถ" ยังถูกยกให้เป็นแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดเป็น "อันดับ 1 ของโลก" แซงหน้า "จอห์นนี่ วอล์กเกอร์" และ Yanghe Distillery

Cr.Moutai Thailand

ยิ่งกว่านั้นหากตีมูลค่ามาร์เก็ตแคป "เหมาไถ" เป็นเงินบาท ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว หรือขนาดมาร์เก็ตแคปใกล้เคียงกับขนาดเศรษฐกิจหรือจีดีพีของไทยนั่นเอง ส่วนการทำตลาดและสร้างแบรนด์ของ "เหมาไถ" หากสังเกตรายการแข่งขันกีฬาใหญ่ๆระดับโลก จะเห็นโลโก้ของแบรนด์สนับสนุนข้างสนาม เช่น ล่าสุดคือการสปอนเซอร์รายการแบดมินตัน "โธมัส-อูเบอร์ คัพ 2020" ที่ประเทศเดนมาร์กด้วย