ROJNA-WHA เฮ! ครม.เปิด 6 เขตส่งเสริมศก.พิเศษอีอีซี หนุนยอดขายที่ดินพุ่ง
หุ้นนิคมฯ รับอานิสงส์ ครม. ไฟเขียวตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในอีอีซีเพิ่มอีก 6 แห่ง รองรับการลงทุนหลังโควิดคลี่คลาย "ROJNA-WHA" รับประโยชน์เต็มๆ ลุ้นยอดขายที่ดินพุ่ง
หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลาย จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง ทำให้ภาครัฐกลับมาเร่งฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ทั้งการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ การท่องเที่ยว ไปจนถึงการลงทุนซึ่งเป็นอีกหนึ่งในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
โดยล่าสุด ครม. เห็นชอบให้จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มอีก 6 แห่ง เพื่อรองรับและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในช่วง 10 ปี (2564 -2573) มูลค่ารวมกว่า 3 แสนล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันอีอีซีมีพื้นที่รองรับการประกอบกิจการอุตสาหกรรมและการค้า 15,836 ไร่ ซึ่งประเมินแล้วว่าจะรองรับการลงทุนได้เพียง 5 ปีเท่านั้น
โดย 6 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ แบ่งออกเป็น 5 นิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 698 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 1,501 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์
นิคมอุตสาหกรรมเอเชียคลีน จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 978 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ยานยนต์สมัยใหม่ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ, นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง จังหวัดระยอง พื้นที่ 421 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ และดิจิทัล
นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง จังหวัดระยอง พื้นที่ 1,498 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ ซึ่งตั้งเป้าหมายการลงทุนในช่วง 10 ปี รวม 280,772 ล้านบาท
และศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จังหวัดระยอง พื้นที่รวม 519 ไร่ สามารถรองรับการประกอบกิจการ 360 ไร่ ตั้งเป้าหมายการลงทุน 10 ปี จำนวน 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการปรับแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินของศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรธรรมศาสตร์ พัทยา (EECmd) และเพิ่มพื้นที่อีก 18 ไร่ เป็น 585 ไร่
มติที่ออกมานี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งคนที่ได้รับประโยชน์ที่สุดน่าจะเป็นบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA เพราะกวาดพื้นที่ไปได้มากที่สุด 2,199 ไร่ ตามด้วยบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA 1,498 ไร่ เชื่อว่าทั้ง 2 กลุ่มมีที่ดินพร้อมขายทันที หากลูกค้าสนใจ
ขณะนี้กลุ่มนิคมฯ เริ่มกลับมาฉายแววสดใสอีกครั้ง จุดต่ำสุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว กำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นรอบใหม่ ไปพร้อมกับการเปิดประเทศ เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
และแน่นอนว่าเมื่อขายที่ดินได้มากขึ้น มีการตั้งโรงงานเพิ่มขึ้น การใช้น้ำใช้ไฟต้องเพิ่มตามไปด้วย กลายเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP และบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ที่เป็นยักษ์ใหญ่ในพื้นที่