Sideways กำไร HMPRO RCL 7UP (11 ตุลาคม 2564)

Sideways กำไร HMPRO RCL 7UP (11 ตุลาคม 2564)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1646 / 1658 จุด แนวรับ 1620 / 1615 จุด (EMA 10 / 25 วัน) แนะนำเก็งกำไร HMPRO RCL 7UP ทางเทคนิคจะเกิดสัญญาณซื้อเพิ่มตามรูปแบบ Double Bottom

หากทะลุ 1640 จุดขึ้นไปได้ จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 1680 จุด

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด

1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และแคนาดาปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Columbus Day และวัน Thanks
Giving Day ส่งผลให้นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากรายงานจ้างงาน
สหรัฐฯ เดือน ก.ย. ออกมาคลุมเครือ (จำนวนการจ้างงานแย่กว่าคาดมาก แต่อัตราว่างงานดีกว่าคาด ขณะที่อัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงพุ่งต่อเนื่อง +0.6% MoM เพิ่มแรงกดดันต่อ
ภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น)
2) ประเด็นการรายงานผลประกอบการ 3Q21E จะเริ่มมีอิทธิพลต่อทิศทางตลาดหุ้นระยะสั้น
เพิ่มขึ้น โดยหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ จะเริ่มทยอยประกาศตั้งแต่วันพุธ ส่วนกลุ่มการเงินไทย
ประกาศตั้งแต่วันศุกร์ นำโดย KTC TISCO คาดรายงานกำไรลดลงเล็กน้อย YoY, QoQ

 

กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ

1. กลุ่มพลังงาน PTT PTTGC TOP รับโมเมนตัมบวก จากเศรษฐกิจโลกมีโอกาสเข้าสู่ภาวะ
Stagflation และราคาน้ามันดิบโลกอยู่ในทิศทางขาขึ้น จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น หลังการ
ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
2. หุ้นโรงแรมและท่องเที่ยว ERW CENTEL MINT AOT AAV BA รับโมเมนตัมบวก จาก
หลายประเทศทั่วโลก เช่น UK สิงคโปร์ เตรียมทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
และคาดศบค. ผ่อนคลายให้เพิ่มที่นั่งในเครื่องบินเป็น 100%
3. หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ค้าปลีก อาทิ KBANK SCB SAWAD MTC CBG CPALL HMPRO
CPN รับกระแสการเปิดเมืองเพิ่มเติมของภาครัฐ และยังคงเป็นกลุ่ม Laggard Plays
4. หุ้นที่ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ BOL PSTC ITEL CPNREIT IIG
BANPU SNNP

 

 

 

ประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตาม

      -IMF/World Bank ประชุมวันนี้จนถึงวันที่ 17 ต.ค. โดย IMF จะมีการออกรายงาน
ทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจโลกวันอังคำรที่ 12 ต.ค. คาดว่าจะมีกำรปรับลดประมาณการ
เติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงจากเดิม 6% ที่ประมาณการไว้เมื่อปลายเดือน ก.ค. รวมถึง
การปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ จากผลกระทบของ Supply
Disruption
     +/-USA: คาดสภาสหรัฐฯ จะมีมติเห็นชอบต่อการขยายเพดานหนี้เป็น USD28.9Trn.
(Vs ปัจจุบัน USD28.4Trn.) เพิ่มขึ้น USD480bn. เพื่อให้มีเพียงพอต่อการชำระหนี้จนถึงต้นเดือน ธ.ค.

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเป็นวันที่ 4 ในรอบ 5 วัน: ตลาดหุ้นไทยยืนในแดนบวกตลอดซื้อขาย
เป็นวันที่สอง ในกรอบ 1635.77 – 1644.16 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1639.41 จุด +5.69 จุด
วอลุ่มซื้อขาย 9.29 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้าง +1.75% ชิ้นส่วน
อิเล็กทรอนิกส์ +1.04% ขนส่งและสาธารณูปโภค +1.03% วัสดุก่อสร้าง +0.84% เงินทุน
และหลักทรัพย์ +1.8% หุ้นปรับขึ้น >4% ได้แก่ SVT JAS CAZ HMPRO PAF UKEM RCL
BLA ARIN TAKUNI LANNA EE SANKO CRD SWC MONO SELIC CMO หุ้นปรับลง
>4% ได้แก่ CFRESH STAR CITY GJS PPP APURE TH WAVE

 

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดลบ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิด
ลดลง DJIA -0.03% (-8.69 จุด ) S&P500 -0.19% NASDAQ -0.51% โดยดัชนีฯเคลื่อนไหวผันผวน ก่อนปิดลดลง เนื่องจากผิดหวังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือน ก.ย. แย่ากว่าคาดมาก +194k (Vs เดือน ส.ค. 366k และคาด 500k) และยิลด์พันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 1.6% ขานรับโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยปลายปีหน้า อิงอัตราว่างงานต่ำสุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 2020 ที่ 4.8%(Vs เดือน ส.ค. 5.2%และคาด 5.1%) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 -0.61% DAX -0.29% FTSE +0.25% จากแนวโน้มชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากรายงานจ้างงานเดือน ก.ย. ต่ำกว่าคาดมาก โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและรถยนต์ปรับขึ้น แต่กลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง

+/- น้ำมันปิดบวก ส่วนทองปิดลบ: WTI +USD1.05 ปิดที่ USD79.35/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2014 Brent +USD0.44 ปิดที่ USD82.39/บาร์เรล (ทั้งสัปดาห์ WTI +4.6% WoW Brent +3.9% WoW) จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง รับผลบวกของการเปิดเศรษฐกิจ และกลุ่มโอเปคยังคงดำเนินนโยบายการผลิตที่จำกัด ส่วนราคาทองคำลดลง USD1.8 ปิดที่ USD1,757.40/ออนซ์ หลังจากยิลด์พันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะ 1.603% เพิ่มต้นทุนค่ำเสียโอกาสถือครอง
ทองคำ

 

ประเด็นสำคัญ

+/- USA: การจ้างงานเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 194k (Vs คาด 500k และเดือน ส.ค. 366k) โดยภาคเอกชนจ้างงานเพิ่มขึ้น 317k แต่ภาครัฐจ้างงานลดลง 123k ส่วนอัตราว่างงานอยู่ที่ 4.8% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2020 (Vs คาด 5.1% และเดือน ส.ค. 5.2%) และอัตราค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงเพิ่มขึ้น 0.6% MoM (Vsคาด +0.4% MoM และเดือน ส.ค. +0.6% MoM) ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานมีการปรับตัวเลขจ้างงานเดือน ก.ค. สูงขึ้นเป็น 1,091 k (Vs เดิม 1,053k) และเดือน
ส.ค. เพิ่มขึ้นเป็น 366k (Vs เดิม 235k)

+ UK: เตรียมถอด 47 ประเทศ รวมถึงไทย ออกจากบัญชี Red List ที่ต้องเดินทางเข้า UK ถูกกักตัว 10 วัน มีผลวันที่ 11 ต.ค. เพื่อกระตุ้นการเดินทางและเศรษฐกิจ (+กลุ่มท่องเที่ยวไทย)

+ Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ +481.36 ล้านบาท (Weekly +1,916.68 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดำห์ที่ 7) และ Long TFEX เพิ่ม +2.552 สัญญา (Weekly Long +29,807 สัญญา)

 

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: KCE TOP KTC

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: HMPRO RCL 7UP

Derivatives: SET50 ประเมินยังทรงตัวที่โซน 980-1000 จุด ได้ (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)