บลจ.ไทยพาณิชย์ ดึง‘เอไอ’ เพิ่ม‘ผลตอบแทน’สู้ตลาดผันผวน

บลจ.ไทยพาณิชย์ ดึง‘เอไอ’ เพิ่ม‘ผลตอบแทน’สู้ตลาดผันผวน

ในภาวะโควิด -19 ยังต้องอยู่กับโลกใบนี้ไปอีกนาน ทำให้หลายองค์กรเร่งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น ซึ่งนับว่า มีความสำคัญมากในยุคนี้

“ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์  ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว  ซึ่งบริษัทได้ปรับเปลี่ยนหลาย ๆ ธุรกรรมให้ทำผ่าน "ช่องทางออนไลน์" มากขึ้นและเน้นให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลด้านการลงทุนรวดเร็วขึ้น พร้อมผลักดันให้ธุรกรรมนั้นเกิดขึ้นและเสร็จสิ้นในระยะเวลาอันสั้นตั้งแต่ต้นปีมานี้ 

ขณะเดียวกันช่วงครึ่งหลังปี 2564  บริษัทวางกลยุทธ์มุ่งเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ที่หลากหลายและซับซ้อนทั้งไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ทั่วโลกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรองรับความต้องการนักลงทุนที่หลากหลายและสอดคล้องกับทิศทางสภาวะเศรษฐกิจการลงทุน 

โดยบริษัทได้นำนวัตกรรมใหม่ของกลุ่มการลงทุนด้วยปัญญาประดิษฐ์   “AI & Machine Learning” เข้ามาผสมผสานการบริหารจัดการลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น  โดยให้ความสำคัญของการออมเพื่อการเกษียณ จึงส่งเสริมให้นักลงทุนใส่ใจกับการลงทุนระยะยาวเพื่อมุ่งหวังให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนระยะยาวที่หลากหลายสินทรัพย์ หลากหลายภูมิภาคได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนตรงกับวัตถุประสงค์ และความต้องการของตนเองให้มากที่สุด     

ทางด้าน “ผลการดำเนินงานของกองทุนที่ใช้เอไอ”ช่วยลงทุนสามารถให้ผลตอบแทนคาดหวังที่ดีในช่วงตลาดผันผวนปีนี้และย้อนหลัง 1 ปี อย่างกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Machine Learning Thai Equity  (SCBMLTA)  ลงทุนหุ้นไทย  ณ 8 ต.ค. 2564 มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 13.55%  และย้อนหลัง 1ปี 27.46% ,กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Machine Learning China All Share(SCBMLCAA)  ณ 7 ต.ค. 2564 มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 4.65% และย้อนหลัง 6 เดือน 1.68% 

เช่นเดียวกับ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Machine Learning China All Share เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMMLCA) ณ 7 ต.ค.2564 มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2.49% และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Machine Learning Equity (SCBGMLA) ลงทุนหุ้นต่างประเทศ ณ  7 ต.ค. 2564มีผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 17.35% และย้อนหลัง 1 ปี 27.31%      

นอกจากนี้ บริษัทมุ่ง "ขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์" มากขึ้น มุ่งเน้นการเปิดบัญชีออนไลน์ และเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการด้วยการยืนยันตัวตนผ่านNational Digital ID (NDID)ทั้งยังพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่นและSCBAM Line Officialอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์และข้อมูลด้านการลงทุนที่ดีให้กับลูกค้าและสอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันยิ่งขึ้น ในปัจจุบัน บริษัท ได้เน้นการให้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนในยุคนี้ ที่ชอบศึกษาข้อมูลด้วยตนเอง 

ดังนั้นในภาพรวมปี 2564 แม้จะมีอุปสรรคบ้างในระยะสั้น แต่ก็ไม่เหนือความคาดหมาย โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร ( AUM) เติบโต 6% จากปี 2563 ที่ 1.61 ล้านล้านบาท  โดยครึ่งแรกปี 2564 อยู่ที่ 1.64 ล้านล้านบาท เติบโต 0.64% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.63 ล้านล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 19.03%

นอกจากนี้ คาดการณ์แนวโน้มการลงทุนตลาดหุ้นไทย เมื่อสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป คาดว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้และมองดัชนี หุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 1,680 จุดในสิ้นปีนี้