แอพฯTAGTHAi ผนึก ททท. เปิดตัวTAGTHAi Pass บัตรดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวไทย
แอพฯ TAGTHAi ผนึกกำลังกับ ททท. เปิดตัว TAGTHAi Pass บัตรดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวไทย ผลักดันให้เกิด Digital Tourism Platform เพื่อยกระดับบริการด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายย่อย เตรียมเปิดตัวช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้
แอพพลิเคชั่น TAGTHAi (ทักทาย) แพลตฟอร์มบริการด้านการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวในทุกมิติ โดย บริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด และ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ผนึกกำลังกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัว “ทักทายพาส (TAGTHAi Pass)” บัตรดิจิทัลด้านไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว (Digital pass) ที่ช่วยยกระดับการให้บริการด้านการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นโอกาสในการสร้างรายได้จากการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก อีกทั้งยังมุ่งหวังลดการแข่งขันทางด้านราคาโดยตรง และเพิ่มคุณค่าของการบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย
TAGTHAi Pass จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด้วยการชำระเงินซื้อเพียงครั้งเดียว ก็สามารถเข้าถึงบริการการท่องเที่ยวที่คัดสรรอย่างดีโดยคนท้องถิ่น ทั้งบัตรเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ร้านอาหาร บริการด้านการเดินทาง สปาและสุขภาพ และมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอื่นๆ พร้อมเปิดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายย่อยใช้เป็นช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มโอกาสสร้างรายได้บนช่องทางดิจิทัล เตรียมพร้อมรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวภายใต้วิถีใหม่ โดยมีแผนเปิดตัวช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้
นายกลินท์ สารสิน ประธานคณะจัดการ บริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ผู้ร่วมก่อตั้งแอพฯ TAGTHAi กล่าวว่า ปัจจุบันแอปฯ TAGTHAi มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติใช้งานกว่า 180,000 ราย เชื่อมโยงข้อมูลการท่องเที่ยว สินค้าและบริการของผู้ประกอบการตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบครบวงจร ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
การเปิดตัว TAGTHAi Pass บัตรท่องเที่ยวรูปแบบดิจิทัล อำนวยความสะดวกในการวางแผนท่องเที่ยวที่คุ้มค่าและปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกประเภท TAGTHAi Pass ได้ตามไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ ภายใต้ TAGTHAi Pass แต่ละประเภท ประกอบด้วยบริการการท่องเที่ยวหลากหลายที่ถูกคัดสรรอย่างดีโดยคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว
จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดี สะดวกสบาย และคุ้มค่าจากพันธมิตรธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้มีช่องทางการขายดิจิทัล และมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น นับเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะช่วยระดมกำลังกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้พร้อมสู่ยุคดิจิทัล เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนพร้อมรับมือกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในการพัฒนาแอพฯ TAGTHAi กล่าวว่า นวัตกรรมเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยในธุรกิจท่องเที่ยวจากทุกพื้นที่ของประเทศ เข้าถึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว พร้อมนำเสนอบริการที่หลากหลายด้วยประโยชน์ที่มากขึ้นผ่าน TAGTHAi Pass อีกทั้งยังสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่สะดวกสบาย และมีสเน่ห์เฉพาะตัวโดยคนท้องถิ่น เป็นวิถีการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่เชื่อมโยงจากทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ แอพฯ TAGTHAi ยังคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act) และมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนในประเทศที่เป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ และปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวในการใช้งานแอพฯ TAGTHAi
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โจทย์สำคัญในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระหว่างเตรียมพร้อมรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวภายใต้ชีวิตวิถีปกติใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คือ การปรับตัวและพัฒนาศักยภาพของการบริการที่คำนึงถึงสุขอนามัยมากขึ้น โดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยวเข้ามารองรับ เพื่อนำไปสู่การท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ (Seamless) และไร้สัมผัส (Contactless) รวมไปถึง ใช้เทคโนโลยีในการจองคิวหรือการสำรองบัตรเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัส ลดความแออัด เพิ่มความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง และเป็นแนวทางหนึ่งในการปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
“ความร่วมมือในการผลักดันแอพฯ TAGTHAi ระหว่าง ททท. และหน่วยงานต่าง ๆ ในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการร่วมสร้างนิเวศทางธุรกิจ และ BIG DATA ที่ไหลเวียนในระบบ จะเป็นประโยชน์ในการประมวลผล เพื่อนำไปพัฒนาเชิงการตลาดของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เติบโตอย่างมีทิศทาง ตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งแนวโน้มการใช้ระบบออนไลน์จะมีอย่างแพร่หลายมากขึ้น ลงลึกมากขึ้น รับกับไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดช่องทางการขายให้กับผู้ประกอบการรายย่อยที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และอื่นๆ ใช้โอกาสดังกล่าวในการเพิ่มศักยภาพของตนเพื่อเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวในวงกว้างผ่านแอพฯ TAGTHAi”