เขย่าสยามเซ็นเตอร์!รับเมกะเทรนด์"DiversCity Building-ไมโครรีเทล"

โลกเปลี่ยนเร็ว! และมีดิสรัปจากหลากหลายมิติ นอกเหนือจากความล้ำสมัยของดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาทรานส์ฟอร์มการใช้ชีวิต รูปแบบธุรกิจ วิกฤติโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยเร่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ กระตุ้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวตาม! โดยเฉพาะนับถอยหลังเปิดเมือง 1 พ.ย.เป็นโอกาสก้าวสู่ห้วงเวลาแห่งการฟื้นฟูธุรกิจ!  

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า กระแสความสนใจของคนทั่วโลก ไลฟ์สไตล์ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปจากการพัฒนาเทคโนโลยียุคดิจิทัลที่ไม่หยุดยั้ง แนวความคิดของคนที่ต่างเจนเนอเรชั่นที่ต้องอยู่ร่วมกัน ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ล้วนส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก! 

แน่นอนว่า ธุรกิจต้องปรับเร็ว! ตามทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป  เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมๆ กับคงอัตลักษณ์ความโดดเด่นที่เป็น “จุดยืน” หรือ จุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่ง เป็นที่มาของการตอกย้ำการเป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ของ “สยามเซ็นเตอร์” เดสทิเนชั่นที่คนทั่วโลกให้ความสนใจในฐานะศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยที่นำเสนอความล้ำเทรนด์มาต่อเนื่องกว่า 47 ปี ในสถานะศูนย์กลางแห่งจินตนาการและงานสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัดในทุกศาสตร์แห่งสุนทรีย์ของ ศิลปะ แฟชั่น เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์

The Ideaopolis หรือ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์! ของสยามเซ็นเตอร์ วางจุดยืนเป็น “DiversCity Building” สถานที่ที่เป็นศูนย์รวมคอมมูนิตี้และให้ความสำคัญต่อผู้คนที่มีความหลากหลายในทุกด้าน อาทิ เพศ เชื้อชาติ สุขภาพ อย่างเท่าเทียม! พร้อมนำเสนอเทรนด์และประสบการณ์แปลกใหม่ ระดมแม่เหล็กที่ดึงดูดใจทั้งเหล่านักช้อปชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยไฮไลท์เอ็กซ์คลูซีฟในแบบ Absolute Siam

DiversCity Building (Diversity+City) สถานที่แห่งการส่งเสริมและสร้างคุณค่าทุกความต่าง ความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม โดยเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมโดยการสนับสนุนของ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP Thailand)  

ซึ่งสยามเซ็นเตอร์ นับเป็นศูนย์การค้าแรกในประเทศไทยที่ร่วมกับ UNDP ในการประกาศตัวเป็น DiversCity Building โดยเจตนารมย์และแนวคิดนี้จะอยู่ในทุกมิติของสยามเซ็นเตอร์ที่ลูกค้าจะสัมผัสได้ด้วยตนเอง

การนำเสนอแนวคิดการเป็น DiversCity Building จะปรากฏอยู่ในทุกมิติสอดคล้องกับเทรนด์ของ 4 คอมมูนิตี้หลักที่ไม่มีการแบ่งเพศ อายุ เชื้อชาติ รูปร่าง ฯลฯ ได้แก่ กลุ่มคนที่สนใจด้านความงาม ที่ไม่ว่าจะเป็นคนสีผิวแบบไหน อายุ หรือเพศอะไร ก็มาที่นี่ได้ กลุ่มคนรักแฟชั่นมีสไตล์ ไม่ว่าจะมีรูปร่าง สีผิวอย่างไร เพศ อายุไม่สำคัญ แค่มีอินเนอร์ที่ใช่!

สยามเซ็นเตอร์มีสินค้าแฟชั่นที่เหมาะสำหรับทุกคน กลุ่มคนที่มีชื่นชอบการทำกิจกรรมแอคทีฟ มีความกระฉับกระเฉง ตื่นตัวกับทุกกิจกรรม สนุกสนานไปกับการเลือกเสื้อผ้ามามิกซ์แอนด์แมทช์ แหล่งรวมตัวของเหล่าคอลเลคเตอร์ที่ชื่นชอบของสะสมเอ็กซ์คลูซีฟ และ กลุ่มผู้ชื่นชอบอาหารและคาเฟ่แบบอินเทรนด์ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ เพศไหน เมื่อต้องการหาของอร่อย อินเทรนด์ อัพรูปลงโซเชียล อาหารฮอตฮิตยอดนิยม คาเฟ่ไหนมาแรงต้องมาที่สยามเซ็นเตอร์เท่านั้น!

ณริสาห์ วิวัฒนกิจเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มงานขาย กล่าวเสริมว่า ลูกค้ายุคใหม่ไม่ได้สนใจแค่สินค้าและบริการ แต่ต้องการใช้ชีวิตและมีไลฟ์สไตล์ที่ถ่ายทอดความเป็นตัวตนในคอมมูนิตี้ของตนเอง คือโจทย์ใหญ่ของการร่วม Co-Creation กับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ใหม่

โดยไตรมาสสุดท้ายนี้ สยามเซ็นเตอร์ สร้างสีสันด้วยการดึงแม่เหล็กใหม่เสริมทัพ ได้แก่ "KIKO Milano" ส่งตรงจากมิลานเมืองหลวงแห่งวงการแฟชั่นโลก เปิดแฟลกชิพสโตร์สาขาแรกในประเทศไทยที่สยามเซ็นเตอร์ เจาะคอมมูนิตี้ที่ชื่นชอบสินค้าบิวตี้

ให้สนุกไปกับโลกของสีสันและความงาม พร้อมเลือกซื้อคอลเลคชั่นใหม่ๆ ได้ที่นี่ก่อนใคร พร้อมบริการพิเศษจากเมคอัพกูรู

"FABLAB Multi Brand Store"  เสมือนห้องปฏิบัติการที่รวบรวมแบรนด์แฟชั่นออนไลน์สดใหม่ และยังก์ ดีไซเนอร์ รวมไว้เป็นมัลติิแบรนด์ที่รวมเสื้อผ้า แอคเซสเซอรี่ เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า  ครอบคลุมแฟชั่นทั้งสตรีทแฟชั่น งาน Hand-made ต่างๆ Every Day สินค้าใส่ง่ายที่มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ทุกวัน Active สำหรับการออกกำลังกาย และชุดว่ายน้ำ และ Boutique สำหรับวันพิเศษหรือโอกาสพิเศษ ประเภทเดรส สูทที่ระดับคัตติ้งสูงขึ้นมา

"THE GUNDAM BASE THAILAND" ออริจินัลแฟลกชิพสโตร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของกันพลา โดยสยามเซ็นเตอร์ ร่วมกับ บริษัท บันได นัมโค เอเชีย จำกัด  และ บริษัท ดรีมทอย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายของเล่นและโมเดลสะสมภายใต้แบรนด์ BANDAI จากญี่ปุ่น ร่วม Co-Create เช่นเดียวกับ ออริจินัลตัวจริงเสียงจริงของ THE GUNDAM BASE ท็อปเดสทิเนชั่นในประเทศญี่ปุ่นที่สาวกกันดั้มต้องไปเยือน ปักหมุดชั้น 1 สยามเซ็นเตอร์ บนพื้นที่กว่า 360 ตร.ม.  เปิดบริการเดือน พ.ย. นี้ หลังจากเปิดทั่วโลกมาแล้ว 15 สาขา

"Vans Flagship Store" สาขาใหญ่สุดในประเทศไทย  ที่เปิดโอกาสให้ศิลปินไทยได้แสดงออกถึงความสามารถทางด้านศิลปะ สตรีทกราฟิกให้กับ Vans ประเทศไทย ผ่านจอ LED ขนาดใหญ่ 2 จอกลางร้าน ยังมีโซน customization area ให้ลูกค้านำสินค้า Vans มาตกแต่ง เพ้นท์ ป้าย ปัก ให้เป็นสไตล์ตัวเองสุดยูนีค โดยจะเปิดให้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในเดือน ธ.ค.

"KFC New Concept @ Siam Center"  นำเสนอร้าน KFC รูปแบบใหม่ บนพื้นที่ 237 ตร.ม. ภายใต้แนวคิด Urban Digital Life ดีไซน์ในแบบดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ลดการสัมผัส สอดคล้องกับการใช้ชีวิตวิถีใหม่นิวนอร์มอล ออเดอร์อาหารผ่านระบบดิจิทัล และจ่ายเงินโดยไม่ต้องใช้เงินสด (Cashless) พร้อมบริการเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ ตามช่วงเวลาที่กำหนด พิเศษ “Pick Up Box” ล็อกเกอร์รับสินค้าอัตโนมัติที่แรกในเมืองไทยโดยสั่งสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่น หรือ เครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ สามารถมารับสินค้าด้วยตนเองได้เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด เปิดต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในเดือน ธ.ค.นี้

เอกวิทย์ ชัยวรานุรักษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกิจกรรมการตลาด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวต่อว่า ผลกระทบจากโควิดที่ทำให้ภาคธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง เทรนด์ที่กำลังมาแรงขณะนี้ คือ การหันมานำเสนอรูปแบบค้าปลีกที่ตอบสนองความต้องการของคอมมูนิตี้ที่มีความสนใจเฉพาะกลุ่ม เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ สร้างคอมมูนิตี้ สร้างประสบการณ์ได้อย่างตรงใจ

สยามเซ็นเตอร์ จึงวางแนวคิดการทำธุรกิจแบบ Micro Retail ส่งเสริมพันธมิตรธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้นำเสนอผลงานและไอเดียผ่านพื้นที่โชว์เคสที่สยามเซ็นเตอร์ ประเดิมคอนเซปต์แรก ด้วย K-Culture Market จับกลุ่มผู้ชื่นชอบโคเรียนสไตล์ โดยเนรมิตพื้นที่ให้เป็นโซน Korean Town  ยกขบวนทั้งสินค้าแฟชั่น บิวตี้ ซาลอน สไตล์เกาหลี มารวมไว้ในที่เดียว รวมไปถึงคาเฟ่สไตล์เกาหลีที่ฮอตฮิตอยู่ในกระแส ให้สาวก เค-ป๊อป ได้นั่งชิลด์ ตอบโจทย์กลุ่มคนทุกเพศทุกวัย  คาดเปิดบริการภายในไตรมาสแรกปี 2565

เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มทราฟฟิคและกระตุ้นยอดขายให้สยามเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง