"บล.กสิกรไทย" แนะนำซื้อหุ้น TTB มองฟื้นตัวเด่นหลังเปิดเมือง - CHAYO งบสวย

"บล.กสิกรไทย" แนะนำซื้อหุ้น TTB มองฟื้นตัวเด่นหลังเปิดเมือง - CHAYO งบสวย

บล.กสิกรไทย คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่งในกรอบ 1,620-1,660 จุด รอติดตามผลประชุมเฟด ชี้หากโทนออกมาคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้นจะสร้างความผันผวนต่อตลาด แต่มองเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์ได้แก่ TTB และ CHAYO

บล.กสิกรไทย คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (1-5 พ.ย.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,660 จุด โดยตลาดยังคงให้น้ำหนักต่อการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง โดยบริษัทจำนวนเกือบ 40% ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว ปรากฏว่าในจำนวนนี้มากกว่า 80% มีผลประกอบการสูงกว่าคาด และนักวิเคราะห์คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 จะเพิ่มขึ้นถึง 37.6%

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ มีการรายงาน GDP 3Q21 ประมาณการครั้งที่ 1 ของสหรัฐ ออกมาเติบโตเพียง 2.0% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 2.7% จากปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์เดลตากดดันการบริโภค รวมถึงปัญหา Supply disruption ส่งผลต่อเงินเฟ้อพุ่งสูงและกดดันกำลังซื้อลดลง

ขณะที่ตัวเลขแรงงานยังออกมาฟื้นตัวต่อเนื่อง จากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 281,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 290,000 ราย

สำหรับการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายดังเดิมตามการคาดการณ์ของตลาด ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อโดยเฉพาะในยุโรปจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี แต่ที่ประชุมยังมีมุมมองว่าเงินเฟ้อระดับสูงจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว (Transitory) เท่านั้น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่านักลงทุนจะหันมาติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC meeting) ในสัปดาห์หน้า (2-3 พ.ย.) ซึ่งหากมีโทนออกมาในเชิง Hawkish เพิ่มขึ้นต่อนโยบายทางการเงิน อาจเกิด sentiment เชิงลบทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรและสร้างความผันผวนต่อตลาดสูงขึ้น ทั้งนี้หากตลาดปรับฐานมองยังเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเข้าซื้อหุ้น

แนะนำธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่ม Tech consulting ที่จะช่วยเป็นที่ปรึกษาบริษัทต่างๆ ในการทำ Digital transformation เช่น BBIK และ IIG, กลุ่มหุ้นที่เสียประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น (Anti-commodity) เช่น BGRIM, EPG, CBG เป็นต้น รวมถึงกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก Chip shortage ที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเช่น SVI, SAT เป็นต้น

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

- 1 พ.ย. : ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin (ต.ค.) ตลาดคาด 50.0, ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (ต.ค.) ของสหรัฐ ตลาดคาด 60.4

- 2 พ.ย. : การแถลงการณ์นโยบายการเงินจากธนาคารกลางญี่ปุ่น, การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (พ.ย.) ของออสเตรเลีย ตลาดคาด 0.10%

- 3 พ.ย. : การจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรมจากเอดีพี (ADP) (ต.ค.) ของสหรัฐ ตลาดคาด 369K, ยอดคำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงาน (เดือนต่อเดือน) (ก.ย.) ของสหรัฐ ตลาดคาด -0.1%

- 4 พ.ย. : แถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ และการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย     

- 5 พ.ย. : การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ต.ค.) ของสหรัฐ ตลาดคาด 385K

โดยมีหุ้น (Top Picks) แนะนำ ดังนี้

- TTB (ราคาพื้นฐาน 1.28 บาท) เริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น และอาจเริ่มเห็นการ synergy มากขึ้นหลังจากที่มีการควบรวมกิจการ รวมทั้งคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาสสี่หลังเปิดเมือง ทั้งนี้ถือเป็นหุ้นที่ laggard ในกลุ่มธนาคาร รวมถึงโอกาสสูงที่จะถูกเข้าไปรวมคำนวณในดัชนี MSCI standard index รอบถัดไป

- CHAYO (ราคาพื้นฐาน 14.80 บาท) คาดงบไตรมาสสามมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นตามปริมาณหนี้ที่ซื้อสะสมมาในช่วงก่อน รวมถึงโอกาสขายสินทรัพย์ NPA ได้โดยจะทยอยแบ่งรับรู้ในไตรมาสสามและไตรมาสสี่ ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรบริษัท