เวลคัมทูไทยแลนด์ธุรกิจโหมแคมเปญเปิดประเทศปลุกใช้จ่ายฟื้นศก.

ภาคธุรกิจ เดินเครื่องกิจกรรมเศรษฐกิจสะพัดกว่า 2 พันล้าน กระตุ้นบรรยากาศจับจ่ายโค้งสุดท้ายรับเทศกาลแห่งความสุข “เซ็นทรัลพัฒนา” ขึ้นจอยักษ์ 7 ภาษา “Welcome to Thailand” หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผนึกพันธมิตรอัดโปรฯ พิเศษดึงทัวริสต์ “สทท.” จี้รัฐเร่งกดตัวเลขผู้ติดเชื้อ เจรจา “ทราเวล บับเบิล” ปลดล็อกกักตัวขากลับประเทศต้นทาง มั่นใจดึงต่างชาติแห่เข้าไทยมากขึ้น

ภาคธุรกิจเรียลเซ็กเตอร์ เครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ค้าปลีก รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ อีเวนท์ โรงภาพยนต์ ฯลฯ รับสัญญาณบวกจากการ “เปิดประเทศ” ระดมกำลังและสารพัดกลยุทธ์ฟื้นกิจกรรมทางการตลาดร่วมกันปลุกบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในห้วงเวลาสำคัญแห่งปีที่จะเป็นแรงส่งในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและประเทศไทยกลับสู่ “ขาขึ้น” หลังได้รับความบอบช้ำอย่างสาหัสจากวิกฤติโควิดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา 

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า การคิกออฟ "เปิดประเทศ" ตั้งแต่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบว่า มีกระแสตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) รายงานข้อมูลการจองบัตรโดยสารที่ทำการบินเข้าประเทศไทยช่วงวันที่ 1-5 พ.ย.นี้ เบื้องต้นมี 27 สายการบินจากทั่วโลกทำการบินเข้าและออกประเทศไทย จำนวนผู้โดยสารรวมกว่า 15,000 คน
 

ขณะที่ ขั้นตอนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยื่นเอกสารประกอบการเดินทางเข้าประเทศ “ไทยแลนด์พาส” (Thailand Pass) ผ่านเว็บไซต์ www.tp.consular.go.th ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ถือว่าดำเนินการได้ดี เนื่องจากภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องต่างได้บทเรียนจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นำร่องเปิดเมืองนำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อ 1 ก.ค. ช่วยให้เตรียมการและแก้ไขข้อบกพร่องได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญ ภาครัฐและเอกชนต้องช่วยกันกดตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่รายวัน และควบคุมไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาตินำเชื้อมาติดคนไทย และคนไทยนำเชื้อไปติดนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ เร่งเติมวัคซีนในเมืองท่องเที่ยวให้เร็วขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมรณรงค์ให้ผู้ประกอบการทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หนุนการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อยๆ ทะยานเหมือนตอนเครื่องบินขึ้นฟ้า

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะมี 63 รายชื่อประเทศและพื้นที่ที่สามารถเดินทางเข้ามาในไทยได้แบบไม่ต้องกักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ แต่บางประเทศต้นทางยังมีนโยบายหากเดินทางมาจากประเทศไทย ต้องเข้ารับการกักตัวเมื่อเดินทางกลับประเทศต้นทาง

“สทท. อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการสเต็ปถัดไป คือ การทำทราเวลบับเบิล (Travel Bubble) เจรจาแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัวกับประเทศเป้าหมาย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจากตลาดระยะใกล้ในเอเชียให้เดินทางเข้าไทยมากขึ้นช่วงโค้งสุดท้ายนี้ เพิ่มจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยส่วนใหญ่เป็นตลาดระยะไกล เช่น ยุโรป และสหรัฐ”
 

++ เร่งสื่อสารข้อมูลเปิดประเทศ

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า การเปิดประเทศขณะนี้ถือว่าราบรื่น แต่ยังมีข้อติดขัดอยู่บ้างเช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติยังสับสนเรื่องการยื่นเอกสารขอเดินทางประเทศไทยที่ต้องเปลี่ยนจาก COE (Certificate of Entry) มาเป็นไทยแลนด์พาสแทน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้เร่งทำความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นำเสนอเป็นข้อมูลถามตอบเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น สมาคมฯ ก็เร่งสรุปข้อมูลถามตอบเพื่อช่วยสื่อสารแก่ผู้ประกอบการโรงแรมอีกทาง สามารถนำไปตอบคำถามนักท่องเที่ยวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นางสาวปนิษฐา บุรี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กล่าวว่า การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ รวมถึงแผนงานรองรับการเปิดประเทศไทยเพื่อต้อนรับนักเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในเดือน พ.ย. ไบเทคมีความพร้อมในการให้บริการจัดงานไมซ์ (MICE : การประชุม ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และจัดแสดงสินค้า) ทุกรูปแบบตามกำหนดอนุญาตของทางภาครัฐ ภายใต้มาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย We care for you ที่เคร่งครัด ทั้งเรื่องมาตรการป้องกันโควิด-19 โดยยึดหลักการ Covid-free Setting และ Universal Prevention การพัฒนาการให้บริการทั้งในส่วนพนักงานและสถานที่ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดงานต่าง ๆ ตามมาตรฐานสากล

ไบเทคยังเพิ่มโอกาสและสนับสนุนการทำธุรกิจให้แก่ลูกค้า โดยได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสถานที่จัดงานในโครงการประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่า เฟส 3 ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) ที่ผู้จัดงานขอรับการสนับสนุนทุนจากทีเส็บได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธ.ค.2564

“ไบเทคพร้อมเปิดให้บริการด้วยงานแฟร์มากมายตั้งแต่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป เตรียมต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขในช่วงปลายปี นับว่าเป็นการเริ่มต้นเพื่อให้ภาคธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศได้กลับมาเดินหน้าต่อไปได้”

++ เซ็นทรัล“เวลคัมทูไทยแลนด์” 

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์,เซ็นทรัลพลาซา,เซ็นทรัลเฟสติวัล,เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาต์เล็ต กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 63 ประเทศทั่วโลกผ่านสัญลักษณ์  “Welcome to Thailand” ในภาษาต่าง ๆ 7 ภาษา ได้แก่ ไทย  อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สวีเดน และฝรั่งเศส บนจอ “PanOramix” ดิจิทัลอินเตอร์แอ็คทีฟใหญ่สุดในโลกหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ย้ำการเป็นไลฟ์สไตล์แลนด์มาร์ค และทัวริสต์ เดสทิเนชั่นระดับโลกใจกลางกรุงเทพ ฯ 

"เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่โดดเด่นของไทย สู่สายตานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งระบบที่จะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ คาดว่าจากนี้สถานการณ์ในประเทศจะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลแห่งความสุข"

ทั้งนี้ การผ่อนคลายมาตรการและเคอร์ฟิวของภาครัฐส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของประชาชนดีขึ้น และนักท่องเที่ยวมีความหลากหลายในการมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศให้คึกคัก ทั้งจากแคมเปญกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และแคมเปญการตลาดส่งท้ายปีของผู้ประกอบการทุก ๆ ธุรกิจ 

++ ผนึกพันธมิตรโหมโปรฯปลุกมู้ด

กลุ่มเซ็นทรัลยังผนึกกำลังธุรกิจในเครือจัดโปรโมชั่นสำหรับนักท่องเที่ยวในแคมเปญ “Shopcation Exclusive Privileges” อาทิ ส่วนลดจากร้านค้าในศูนย์การค้าเครือเซ็นทรัลพัฒนา ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในเครือเซ็นทรัล รีเทล ส่วนลดห้องพักจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เริ่มต้นเพียง 650 บาทต่อคืน สำหรับการเข้าพักอย่างน้อย 7 วัน  ส่วนลดสูงสุด 40%  สำหรับเมนูสปาอะลาคาร์ท 

โปรโมชั่นส่วนลดพิเศษจากท็อปส์ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป สินค้ากีฬาจากซูเปอร์สปอร์ต และร้านค้าที่ร่วมรายการในเครือ ซี อาร์ ซี สปอร์ต และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป นอกจากนี้ มีโปรโมชั่นบัตรเครดิตที่ร่วมรายการในสาขาเมืองท่องเที่ยวอีกด้วย

++ ชูหนังไทย-ขยายโรงหนังรับเปิดเมือง

นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดเมืองสร้างบรรยากาศให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับมาคึกคักมากขึ้น การฟื้นตัวคาดว่าจะอยู่ที่ 80% เทียบก่อนเกิดโควิด ถือเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับธุรกิจโรงหนังสหรัฐและอังกฤษด้วย

"นอกจากการเปิดเมืองเอื้อต่อธุรกิจโรงหนัง คอนเทนท์หรือหน้าหนังช่วง 2 เดือนสุดท้ายถือเป็นปัจจัยบวกอย่างยิ่ง เพราะมีหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายเฉลี่ยเดือนละ 30 เรื่อง แต่ยอมรับว่าสิ่งที่ยังกระทบต่อธุรกิจ คือมาตรการห้ามรับประทานป๊อปคอร์น เครื่องดื่มในโรงภาพยนตร์ เพราะถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างรายได้อีก 30% เพิ่มจากการจำหน่ายตั๋วหนัง รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ปัจจุบันการจำหน่ายตั๋วหนังทำได้ 50% จากที่นั่งทั้งหมด หากรัฐผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว จะหนุนให้ธุรกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น"

เมเจอร์ฯ ยังพร้อมเดินหน้าลงทุนหนังไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ให้เติบโต รวมถึงการขยายโรงหนังซึ่งจากนี้ไปจะลุยตลาดต่างจังหวัดเต็มที่ เพื่อรองรับคอหนังภูธร ซึ่งปัจจุบันสร้างรายได้ราว 60%

++ อีเวนท์สะพัด2พันล้านรับไฮซีซัน

นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดเมือง และมาตรการผ่อนคลายให้รวมตัวกันของผู้คนได้ 200 คน ส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมอีเวนท์ ยิ่งในช่วง 2 เดือนสุดท้ายเป็นช่วงเทศกาลแห่งการขาย หรือไฮซีซั่นของการทำกิจกรรมตลาดต่าง ๆ โดยเฉพาะบรรดาห้างร้านค้าปลีกซึ่งหลายค่ายวางแผนจัดอีเวนท์กันอย่างคึกคัก

บริษัทคาดว่าธุรกิจอีเวนท์จะมีเม็ดเงินสะพัดเฉลี่ย 1,000 ล้านบาทต่อเดือนในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ โดยอีเวนท์ใหญ่ยังมีทั้งมอเตอร์เอ็กซ์โป ที่ใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาท รวมถึงการเคาท์ดาวน์ปีใหม่ด้วย แต่การฟื้นตัวธุรกิจอีเวนท์โดยรวมอาจกลับมาเพียง 50-60% เท่านั้น เนื่องจากตลอดทั้งปีกิจกรรมไม่สามารถจัดได้

++ เงินเข้าระบบดันเศรษฐกิจเดินหน้า

นายธีร์ เพิ่งพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดประเทศเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ทุกอย่างกลับไปใกล้กับช่วงภาวะปกติมากที่สุด และธุรกิจสามารถขับเคลื่อนได้และได้ผลมากขึ้น จากที่ผ่านมาการดำเนินการหลายอย่าง ไม่ได้ผลเท่าที่ควรจะเป็น เช่น การจัดแคมเปญต่างๆ เพราะเข้าถึงลูกค้าไม่ได้ ยกเว้นช่องทางออนไลน์  แต่หากออฟไลน์สามารถดำเนินการได้อีกครั้งก็จะเป็นผลดี

"ตลาดรถยนต์ยังมีอีเวนท์ใหญ่รออยู่ช่วงปลายปีในเดือน ธ.ค. คือ มหกรรมยานยนต์ ซึ่งหากจัดได้ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ได้อีกทางหนึ่ง"

ในส่วนของการบริหารจัดการเพื่อรองรับการเปิดประเทศ ถือว่าค่อนข้างดี เพราะมีอัตราเร่งในการฉีดวัคซีนก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้ได้รับวัคซีนแพร่หลายมากขึ้น และตามเป้าหมายของรัฐ เดือน ธ.ค. การฉีดเข็มแรกต้องครอบคลุม 85% เข็มที่ 2 ครอบคลุม 50% ซึ่งทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และความมมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น

นอกจากนี้  อัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน ม่ีค่าเฉลี่ยที่ต่ำกว่าช่วงก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณและทิศทางที่ดี

ส่วนผลของการเปิดประเทศต่อภาคส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมรถยนต์ก็เชื่อว่าจะได้รับผลดีเช่นกัน โดยเฉพาะท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ หากดีขึ้นและเมื่อรวมกับเครื่องยนต์หลักของระบบเศรษฐกิจ คือ ภาคการส่งออกที่มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ และกลุ่มธุรกิจต่างๆ ต่อเนื่องไปยังห่วงโซ่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปได้ และจะเป็นการสร้างความมั่นใจเพิ่มขึ้น

“การเปิดประเทศจะทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น มีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบ ช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ดีขึ้น”

แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องระวัง คือ การเข้มงวดมาตรการด้านความปลอดภัย และการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมแพร่หลายยิ่งขึ้น ต้องดำเนินการต่อเนื่อง ไม่หยุดที่เข็ม 2 เท่านั้น"

++ อสังหาฯ รับอานิสงส์เชื่อมั่น

นายอรรถนพ พันธุกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และนครศรีธรรมราช กล่าวว่า นโยบายเปิดประเทศ ถือว่ามาถูกทาง เพราะหลังสถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย การประเทศได้เร็วจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ

“ความพร้อมหลาย ๆ อย่าง และการเร่งฉีดวัคซีนก่อนหน้า ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ลดความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของไทย และส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯ”

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า การเปิดประเทศ เป็นโอกาสสำหรับทุกธุรกิจ โดยบริษัทได้เตรียมสต็อกคอนโดมิเนียมมูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการสำคัญ สโคป ที่ก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งได้เดินหน้าสร้างช่องทางการขายให้กลุ่มต่างชาติผ่านพันธมิตรเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยเฉพาะลูกค้าคนจีนในเมืองใหญ่ อาทิ เซียงไฮ้ ปักกิ่ง