โบรกอัพเป้ากำไร “หุ้น SCB“ ตอบรับดีล Bitkub แนะเป็น "หุ้นเด่น" น่าลงทุน
โบรกฯ เลือก SCB เป็นหุ้นเด่นวันนี้ ปัจจัยหนุนดีลซื้อ "บิทคับ ออนไลน์" มูลค่ากว่า 1.78 หมื่นล้าน "บล.ยูโอบีฯ" คาดเสริมแกร่งระยะยาว-ลดความเสี่ยงถูกดิสรัป "บล.ฟินันเซียฯ" จ่อเพิ่มเป้ากำไรปี 65 ราว 3-5%
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า SCB เข้าซื้อหุ้น 51% ในบิทคับ (Bitkub) มูลค่า 17,850 ล้านบาท ซึ่งเป็นดีลที่น่าสนใจมาก เมื่อพิจารณาจากมูลค่า (Valuation) ที่ราคาต่อกำไร (PER) ประมาณ 18 เท่า และราคาต่อการขาย (P/S) ที่ประมาณ 8 เท่า (อิงจากรายได้และกำไร 9 เดือนที่ 3,279 ล้านบาท และ 1,533 ล้านบาท) ขณะที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 92%
เรามองสาเหตุที่ SCB ตัดสินใจเข้าซื้อเนื่องจาก
1) Bitkub เป็นผู้เล่นรายใหญ่ของการซื้อขาย สินทรัพย์ดิจิทัล ในไทย ที่มีโอกาสเติบโตมากกว่านี้ หากมีการกำกับดูแลที่ดีที่ทำให้ผู้ลงทุนแพลตฟอร์มต่างประเทศเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์มในประเทศ
2) ความสามารถในการทำกำไรที่สูง แม้ปริมาณการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitkub ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาคิดเป็น 6.5% ของปริมาณการ ซื้อขายหุ้นไทย (มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่รายงานต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ประมาณ 1.03 ล้านล้านบาท เทียบกับปริมาณซื้อขายหุ้นไทยที่ 16.43 ล้านล้านบาท) แต่กำไรของ Bitkup สูงกว่าบริษัทหลักทรัพย์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดใกล้กัน และใกล้เคียงบริษัทหลักทรัพย์อันดับ 1-2 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1-2 (รวมกำไรธุรกิจวาณิชธนกิจ) แต่ถ้ามองเฉพาะกำไรจากค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ผลการดำเนินงานของ Bitkub จะสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
3) ราคาซื้อขายไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโต รวมถึงโอกาสในการซื้อขายสินทรัพย์และ ธุรกรรมดิจิทัล ใหม่ๆ
4) ฐานลูกค้าของ Bitkub มีความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงที่สูงกว่าฐานลูกค้ารวมของ SCB ทำให้ไม่ซ้อนทับกับฐานลูกค้าปัจจุบัน
5) ฐานลูกค้าของ Bitkub มีความสามารถในการพึ่งพาตัวเองสูง และต้องการการดูแลต่ำ หรือมีโมเดลธุรกิจแบบแพลตฟอร์ม ซึ่งขยายตัวได้เร็ว และมีต้นทุนส่วนเพิ่มน้อย ขณะที่การขายสินทรัพย์ทางการเงินในปัจจุบันต้องผ่านผู้ดูแลความสัมพันธ์ (RM) หรือที่ปรึกษาการลงทุน (IC) ที่มีต้นทุนสูงกว่า และการเพิ่มขนาดธุรกิจ (Scale up) ทำได้ยากและช้ากว่า
6) การรุกเข้าสู่ธุรกิจที่มีเทคโนโลยีที่มีโอกาสเป็นคู่แข่งกับธนาคารและสถาบันการเงินในอนาคต จะทำให้ลดความเสี่ยงที่ธนาคารจะถูกดิสรัปลดลง
ธนาคารขนาดใหญ่มีแนวโน้มซื้อขายด้วยราคาต่อมูลค่าบัญชี (PBV) ที่สูงขึ้น แนวโน้มการดึงธุรกรรมที่เคยกังวลว่าจะหลุดจากระบบของธนาคารผ่านเทคโนโลยีแบบกระจายจากศูนย์กลาง (Decentralize) กลับเข้ามาอยู่ในระบบนิเวศน์ของธนาคาร (Re-centralize) จะช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจในอนาคต และเป็นบวกต่อ พรีเมียมการซื้อขายของ หุ้นธนาคาร ซึ่งทำให้ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการปรับตัวจะซื้อขายในระดับที่มีส่วนลด (Discounted) น้อยลง
ขณะที่ธนาคารขนาดเล็กที่ไม่มีศักยภาพที่จะปรับตัวหรือแข่งขัน จะเผชิญความยากลำบากในการแข่งขันสูงขึ้น เรายังคงชอบธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง SCB KBANK และ BBL
นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยเลือก SCB เป็น หุ้นเด่นวันนี้ (3 พ.ย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก 160 บาท ได้ปัจจัยหนุนจากการเข้าลงทุนสัดส่วน 51% ใน Bitkub Online ด้วยเงินลงทุน 1.78 หมื่นล้านบาท คิดเป็น PE ราว 17-18 เท่าซึ่งไม่แพง และจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในด้านฟินเทคสำหรับ SCB
นอกจากนี้ คาดว่า Bitkub จะสามารถเติบโตได้อีกมากจากทั้งตลาดคริปโตฯ ที่เป็นขาขึ้น และการขยายฐานลูกค้าเพิ่มจากลูกค้าดิจิทัลของ SCB ที่มีกว่า 18 ล้านคน เราประเมินโอกาสปรับขึ้น (Upside) ของกำไรปี 2565 ราว 3-5%
ส่วนการเก็งกำไรแนะนำแนวรับ 127.50 บาท และแนวต้าน 133-137 บาท