Power Sector ประมาณการ 3Q64F: กำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ
เราคาดว่ากำไรรวมของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราศึกษาอยู่ใน 3Q64F จะอยู่ที่ 1.21 หมื่นล้านบท (+4.2%YoY, -3.8% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY
จะเป็นเพราะ i) รายได้จากเงินปันผลของ Intouch Holdings(INTUCH.BK/INTUCH TB)* เพิ่มขึ้นในกรณีของ Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)* ii) ช่วง peak ตามฤดูกาลของ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในกรณีของ Ratch Group (RATCH.BK/RATCH TB),BCPG Pcl. (BCPG.BK/BCPG TB)*, CK Power (CKP.BK/CKP TB)*, Electricity Generating (EGCO.BK/EGCO TB)* และ Global Power Synergy (GPSC.BK/GPSC TB)* iii) ธุรกิจน้ำฟื้นตัวในกรณีของ WHA Utilities and Power (WHAUP.BK/WHAUP TB)* ในขณะเดียวกัน กำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะ i) ผลกระทบจากราคาถ่านหิน และก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นในกรณีของ Banpu Power (BPP.BK/BPP TB)*, B.Grimm Power (BGRIM.BK/BGRIM TB)* และ GPSC ii) การปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสาในกรณีของ BPP และ RATCH ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมใน 3Q64F จะลดลงมาอยู่ที่ 9 พันล้านบาท (-14.7% YoY, -18.0% QoQ) โดยสาเหตุสำคัญมาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้
กำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q64F จะทรงตัว YoY แต่ลดลง QoQ
เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q64F จะทรงตัว YoY ถึงแม้จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาในช่วง12 เดือนที่ผ่านมา ทั้งจากโครงการในประเทศ และต่างประเทศ แต่สถานการณ์ราคาถ่านหินและก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นอยู่ในปัจจุบันส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นของ โรงไฟฟ้า แบบ conventional ซึ่งกลไกกำหนด ราคาค่าไฟ ไม่เปิดโอกาสให้ส่งผ่านต้นทุนเชื้อเพลิงทั้งหมดไปให้ผู้ซื้อไฟได้ (SPP ในประเทศไทยทั้งหมด และโรงไฟฟ้าในต่างประเทศเกือบทุกแห่ง) จะไปหักล้างกำไรที่เพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลักทรงตัว YoY ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะ i) weighting factor ของ IPP ลดลงหลังจากที่อุปสงค์การใช้ไฟฟ้าในประเทศผ่านช่วง peak ตามฤดูกาลไปแล้ว ii) dispatch factor ของโรงไฟฟ้าพลังน้ำลดลงหลังจากผ่านช่วง peak ไปแล้วใน 3Q64 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก เงินบาทอ่อนค่า ลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ สหรัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดผลขาดทุนจาก อัตราแลกเปลี่ยน
Valuation & Action
เรายังคงให้น้ำหนัก หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ Neutral โดยคำแนะนำของเราแบ่งเป็นสองธีมด้วยกัน ได้แก่ i) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล และ ii) การเติบโตในอนาคต โดยในส่วนของอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล เราเลือก RATCH เป็น หุ้นเด่น โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนจาก เงินปันผล จะอยู่ที่ 5.5% ส่วนประเด็นการเติบโตในอนาคต เราเลือก BGRIM และ GPSC เป็นหุ้นเด่น โดย BGRIM ได้เปรียบในแง่ของกำลังการผลิตใหม่ 1GWe ซึ่งคิดเป็น 28.4% CAGR ของ EPS ระหว่าง 2564 - 2568 โดยปัจจัยกระตุ้นการเติบโตของ BGRIM จะเป็นเรื่องการพัฒนา P2P energy trading, smart grid และ smart cities ในนิคมอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกัน กำลังการผลิตใหม่ของ GPSC ประมาณ 2GW ซึ่งคิดเป็น 18.8% CAGR ของ EPS ระหว่าง 2564 - 2568 และการลงทุนในธุรกิจ battery storage (G-Cell และ AXXIVA) จะเป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตในอนาคตทั้งจากธุรกิจ energy storage และแบตเตอรี่ของ EV
Risk
ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่