‘เดอะวันเอ็นเตอร์ไพรส์’ ลั่นเงินไอพีโอปลดล็อกโต
ข้อมูลไฟลิ่ง บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE นักลงทุนอาจจะถูกตั้งคำถามว่า การเข้าระดมทุนครั้งนี้ !! วัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพื่อต้องการเงินไป “ปลดล็อก”ภาระทางการเงิน หรือ ชำระหนี้“ใช่”หรือ “ไม่”
หลังจากเมื่อปี 2563 บริษัทมีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินจำนวน 2,200 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อกิจการของ “จีอีเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง”(GMMCH) บ่งชี้ผ่านเตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 496,252,500 หุ้นในราคาหุ้นละ 8.50 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 2 บาท เข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) 5 พ.ย. 2564
“บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE ให้สัมภาษณ์พิเศษ “หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สำหรับเงินระดมทุนหลังเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้ !!จำนวน 4,218 ล้านบาทยอมรับว่าส่วนหนึ่งบริษัทนำใช้ปรับโครงสร้างเงินทุนหลังจากการเข้าซื้อกิจการกลุ่ม GMMCHซึ่งถือเป็น “การปลดล็อกแหล่งเงินทุน” เพื่อต่อยอดและสร้าง“การเติบโต”อย่างต่อเนื่องในอนาคต
สะท้อนผ่านการเพิ่มศักยภาพและยกระดับการผลิตและสร้างสรรค์คอนเทนท์ที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย สามารถสร้างความ“แปลกใหม่”และ“แตกต่าง”ผ่านช่องทางการออกอากาศที่ครอบคลุมทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และใช้ลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (IT) ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท
สำหรับ “จุดแข็ง”ของONEE คือ“คอนเทนท์” ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจ ยิ่งปีก่อนผนึกกับจีเอ็มเอ็ม แชนแนล โฮลดิ้ง ทำให้บริษัทมีคอนเทนท์ที่หลากหลาย และเจาะกลุ่มผู้ชมได้กว้าง(Mass)มากขึ้น และเป็น “โฮลดิ้งคัมปะนี” ด้านผลิตคอนเทนท์ที่ใหญ่มาก จากปีนี้เกมรุกนำคอนเทนท์ไปเสิร์ฟผู้ชม บริษัทจะโฟกัสช่วงเวลานอน-ไพรม์ไทม์เพื่อเก็บเกี่ยวรายได้เพิ่ม
เขา บอกต่อว่า อีกตลาดที่บริษัทกำลังพุ่งเป้าเข้าไป “ต่างประเทศ”โดยเฉพาะการเกิดโอทีทีแพลตฟอร์ม เป็นประตูให้ละคร รายการไทยโลดแล่นต่างแดนมากขึ้น เพราะแม้พฤติกรรมคนดูทีวีน้อยลงหรือเปลี่ยนอย่างไร แต่คอนเทนท์เป็นสิ่งที่ผู้ชมโหยหา ฉะนั้น บริษัทไม่แค่ลงทุนผลิตคอนเทนท์เอง แต่เล็งผนึก “พันธมิตรต่างชาติ”ร่วมผลิตคอนเทนท์(โค-โปรดักชั่น)เจาะตลาดที่ต่างฝ่ายมี “ฐาน”เหนียวแน่นทำเงินเพิ่มด้วย
“อาวุธของเราคือคอนเทนท์ดิสรัปชั่นหมายถึงผู้ชมเปลี่ยนวิธีดู แต่ไม่ได้แปลว่าเลิกดูคอนเทนท์ กลับดูเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นเรามีโอกาสมากขึ้น การผนึกพันธมิตร จะช่วยสร้างมาตรฐานงานระดับสากล หารายได้จากต่างประเทศเพิ่ม”
“ระฟ้า ดำรงชัยธรรม”ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดกลุ่ม ONEE กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทผลิตคอนเทนท์ต่อปีราว 900-1,000 ชั่วโมง(ชม.) เพิ่มจากปี 2561 ผลิตได้ 870 ชม.การได้เงินทุนมาจะเสริมศักยภาพการผลิตคอนเทนท์ได้ถึง 1,600 ชม. เต็มที่ถึง 1,800 ชม.
สำหรับเป้าหมายรายได้บริษัทใน 3-5 ปีข้างหน้า (2565-2569) เติบโตเฉลี่ย 10% ซึ่งโครงสร้างสัดส่วนรายได้ของแต่ละช่องทางจะเปลี่ยนแปลงไป แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จะช่อง“โทรทัศน์” (ทีวี)จะลดลงมา 40-45% จากเดิมที่อยู่ระดับ 48% ช่องทาง“ออนไลน์”เพิ่มเป็น 25-28% จากเดิม 21% ช่องทาง“ต่างประเทศ” เพิ่มเป็น 7-10% จากเดิม 5% และธุรกิจอื่นๆ เช่น วิทยุ,อีเวนต์ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องลดลงเป็น 12-25% จากเดิม 27%
ขณะที่ กลยุทธ์การผลิตคอนเทนท์บริษัทยังลงทุนเองกว่า 90% แม้เสี่ยงสูงแต่ทำ “กำไร”ดีกว่ารับจ้างผลิต ขณะที่การผลิตคอนเทนท์ป้อนยักษ์ใหญ่โอทีที เช่น เน็ตฟลิกซ์ดิสนีย์พลัสฮอตสตาร์ และอเมซอน ไพรม์ฯ เป็นช่องทางแกร่งมากที่ช่วยทำให้ต่างประเทศ รับรู้ความสามารถของเดอะ วันฯ ในการผลิตคอนเทนท์ไทยเตะตาระดับโลกได้
ส่วนแนวโน้มธุรกิจปี2564 คาดว่าผลประกอบการจะทำได้ตามเป้าหมาย แม้รายได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 อาจได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินโฆษณาหายไปและไม่สามารถถ่ายทำรายการใหม่ๆได้ และอาจทำให้ผลงานลดลงจากไตรมาส 1-2 ปี 64แต่บริษัทยังรักษาการเติบโตของกำไรได้และน่าจะยังดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 ผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น
ท้ายสุด “ถกลเกียรติ” บอกไว้ว่า การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง สามารถพัฒนานักแสดงหน้าใหม่มากฝีมือเข้าสู่วงการบันเทิง ยกระดับคุณภาพของคอนเทนท์ไทยสู่ระดับสากล