Sideways เก็งกำไร BBL EKH HMPRO (4 พ.ย. 64)

Sideways เก็งกำไร BBL EKH HMPRO (4 พ.ย. 64)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1617 / 1621 จุด แนวรับ 1608 / 1600 จุด แนะนำเก็งกำไร BBL EKH HMPRO ทางเทคนิควานนี้ ดัชนีฯ แกว่งตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ 1608 จุด และยังยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้

ทำให้วันนี้เราคาดว่าดัชนีฯ มีแนวโน้มแกว่งตัวในแดนบวกได้ตามตลาดต่างประเทศ หลังจากผลประชุมเฟดออกมาตามที่ตลาดคาด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ต้องพิจารณาที่ 1621 จุด หากผ่านไปได้จะเกิดสัญญาณซื้อระยะสั้น ส่วนไฮไลท์วันนี้อยู่ที่ผลประชุม BOE โดยจะเป็นบวกต่อตลาด หากยังไม่มีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จากเดิมที่ 0.1%

ปัจจัยบวก 1) เฟดประกาศลดวงเงิน QE เดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามคาด คง
มุมมองเงินเฟ้อเป็นปัจจัยชั่วคราว ในขณะที่ยังไม่ได้ส่งสัญญาณรีบเร่งที่จะขึ้นดอกเบี้ยไปจากเดิม ส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง (กลุ่ม High Growth, เทคโนโลยี) 2) นักลงทุนต่างชาติวานนี้ กลับมาซื้อหุ้นไทย +268.87 ล้านบาท และ Long SET50 Index Futures ต่อเนื่องอีก +5,367 สัญญา 3) สัญญาณการรีบาวด์ของราคาถ่านหินล่วงหน้า โดย Newcastle วานนี้ ฟื้นตัว +11.78% (+USD16.6) เป็น USD157.5/ตัน เช่นเดียวกับที่ตลาดเจิ้งโจว เพิ่มขึ้น +9.7% ปิดที่ 978 หยวน/ตัน ทำให้หุ่นกลุ่มถ่านหินอาจรีบาวด์ตามราคาถ่านหินล่วงหน้า

ปัจจัยลบ 1) ผู้ติดเชื้อ COVID-19 เร่งตัวขึ้นในหลายประเทศ เช่น จีน รัสเซีย และอังกฤษ ซึ่ง
ล้วนเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศสูง (อิงข้อมูลปี 2019) อาจกดดันจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเปิดประเทศให้ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ 2) ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงหลังตัวเลขสต็อกน้ำมันสูงกว่าคาด กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่นเดียวกันกับหุ้นกลุ่มเรือ อิงค่าระวางเรือวานนี้ร่วงต่อ -295 จุด หรือ -9.26%

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

1. กลุ่มธนาคารคาดได้รับผลบวกจาก Bond Yield ที่ดีดตัวขึ้น BBL KBANK SCB
2. กลุ่มโรงพยาบาลได้ประโยชน์ ทั้งจากธีม Reopening และความกังวลยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง
หลังเปิดเมือง BDMS CHG EKH
3. หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง และมีแนวโน้มได้รับการปรับประมาณการกำไรจาก
Consensus HMPRO

 

 

ประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตาม

- รายงานผลกำไร 3Q21E Earnings Results: TU DCC
- การประชุมของ BoE ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.35%
- ตัวเลข Markit Services PMI และ Markit Composite PMI ของประเทศในยุโรป
- ตัวเลขดุลการค้าเดือน ก.ย. และผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ คาดขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น -8.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 2.75 แสนราย ตามลำดับ
- ผลการประชุม OPEC+ คาดเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเดือน ธ.ค. ที่ 4 แสนบาร์เรล/วัน

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยปิดลบ หลังไม่ผ่าน 1621 จุด: ดัชนีฯ เปิดบวกทดสอบแนวต้านที่ 1621 จุด
ก่อนจะโดนแรงเทขายกดดันดัชนีฯ เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยมีการลงไป
ทดสอบแนวต้านที่ 1608 จุด ก่อนที่จะกลับมาปิดที่ 1611.92 จุด -5.97 จุด วอลุ่มซื้อขาย
8.4 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -1.56% กลุ่ม
พลังงานและสาธารณูปโภค -1.16% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ -0.88% กลุ่มพัฒนา
อสังหาริมทรัพย์ -0.61% หุ้นบวก >4% DELTA HENG SVT BAY EFORL CHEWA
HTECH NCH หุ้นลบ >4% TRUE DTAC JP TTA PSL BWG STEC AS NER CK SMT
PTL

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ: DJIA +0.29% S&P500 +0.65%
NASDAQ +1.04% ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ หลังเฟดตัดสินใจลดระดับ
กระตุ้นเศรษฐกิจ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จากโรคระบาด
ใหญ่ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ DAX +0.03% CAC40 +0.34% FTSE -0.36% โดย
ตลาดหุ้นฝรั่งเศส นำบวกโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ ในขณะที่เยอรมนีแกว่งแคบ จากการร่วง
ของหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่วนอังกฤษตลาดปิดในแดนลบรอผลการประชุม BoE

 

 

- ราคาน้ำมันดิบและทองคำดิ่งแรง: WTI -USD3.05 ปิดที่ USD80.86/บาร์เรล Brent -USD2.73 ปิดที่ USD81.99/บาร์เรล หลังสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด 3.3 ล้านบาร์เรล (Vs คาด +2.2 ล้านบาร์เรล) ขณะที่ทองคำดิ่งแรง -USD25.50 ปิดที่ USD1,763.90/ออนซ์ ต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ หลังเฟดตัดสินใจลดQE

 

ประเด็นสำคัญ

+ USA: เฟดประกาศลดวงเงิน QE เดือน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจะเริ่มต้นลดการเข้าซื้อพันธบัตรตั้งแต่เดือน พ.ย. และสิ้นสุดการเข้าซื้อกลางปี 2022
ตามที่ตลาดคาด ทั้งนี้ ยังคงมุมมองเงินเฟ้อว่ายังเป็นปัจจัยชั่วคราว ในขณะที่ยังไม่ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นไปจากก่อนหน้านี้

+ USA: ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐฯ สูงสุดรอบ 3 เดือน ในเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. จากระดับ 54.9 ในเดือนก.ย. (Vs คาด 54.9) ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน

- China: จีนเลื่อนการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่มหลังเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงสุดรอบ 3 เดือน

+ EU: ECB ส่งสัญญาณว่ายังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวต่ำกว่าเป้าที่ระดับ 2% ในปีหน้า จากสูงกว่า 4% ในขณะนี้

 

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: CBG BGC GULF

ห้นุแนะนำเก็งกำไร: BBL EKH HMPRO

Derivatives: ถือ Short S50Z21 ที่เปิดไว้ต้นทุน 970 จุด รอทำกำไรตามเป้า (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)