“ปรมินทร์ อินโสม” ชี้อนาคต “คริปโทฯ” สิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องมี
เวลานี้เป็นช่วงเวลา “การรีบาลานซ์” จะเห็นได้ว่าทุกคนพยายามโยกย้ายสินทรัพย์หลากหลายเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น รองรับการมาของเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต โดยหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเรื่อยในปีนี้ คือ “คริปโทเคอเรนซี่”
ปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโทฯ เติบโตอย่างมาก และมาพร้อมกับ ราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่ต้นปีนี้ และปัจจุบันยัง "All Time High" เป็นประวิติศาตร์ ที่ 60,000 ดอลลาร์ แม้จะมีช่วงปรับฐานลง แต่เมื่อมีพัฒนาการใหม่ของตลาดคริปโท ไม่ว่าจะเป็น Defi NFT CBDC หรือล่าสุด Metaverse ทำให้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ"All Time High" อีกครั้งในปัจจุบันอยู่ที่ 61,000 -62,000 ดอลลลาร์ และมองก้าวข้ามโลกการเก็งกำไร ไปสู่โลกอนาคตที่ทุกคนต้องมีคริปโทฯกันแล้ว
แล้วทำไมในโลกอนาคต “คริปโทฯ” จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องมี หนึ่งในกูรูวงการคริปโทฯ “ปรมินทร์ อินโสม” ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บริษัทสตางค์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการเว็บเทรด Satang Pro ฉายภาพให้เห็นชัดถึง “10 ประเด็น” ที่สนับสนุนการมาของคริปฯ ที่ทุกคนเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะพลาดโอกาสในโลกอนาคต
"10 ประเด็น” คริปโทฯ สิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องในอนาคต ดังนี้
1. ตลาดคริปโทฯ มีฟันไดเมนต์ทัลดีกว่ามากเมื่อเวลาผ่านไป ส่งผลต่อราคาบิทคอยน์จะมีความผันผวนลดลง ปัจจุบันเริ่มสะท้อนได้จากแม้จะมีข่าวใหญ่ๆ ก็ไม่มีผลกระทบเหมือนในอดีต ยกเว้นข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลแต่ละประเทศ อย่างเช่นการแบนคริปโทฯ ของรัฐบาลจีน ปัจจุบันยังส่งผลต่อราคาบิทคอยน์ แต่ผลกระทบต่อราคาก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ ซึ่งตลาดรับรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
2. สเตรเบิ้ลคอยน์ (Stable coins) สามารถมีบทบาทสำคัญ ทำให้ตลาดคริปโทฯ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ถ้าหาก เทเทอร์ (tether) ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพราะสามารถมาแทนที่ CBDC ได้นั้น ก็อาจดึงราคาคริปโทฯ ทั้งตลาดลดลงได้
3. การแข่งขันของสัญญาอัจริยะ (Smart contact) ที่เพิ่มขึ้น เป็นเทรนด์ที่รออยู่ข้างหน้า
4. Meme Tokens หรือ Tokens กับชมชุน แม้จะมีพื้นฐานมาจากความสนุกที่ทุกคนชื่นชอบ แต่ก็มีชุมชนในสังคมนี้เป็นจำนวนมาก แต่ทุกวันนี้ของเหรียฯก็เพิ่มความสนุกและใช้เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม ต้องติดตามตต่อว่าราคาจะไปต่อถึงจุดไหน
5. สหรัฐ กลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อตลาดคริปโทฯ มากที่สุด โดยเฉพาะสินทรัพย์เข้ารหัสแบบรวมศูนย์ หรือ คริปโทฯไมเนอร์
6. ฟิวเจอร์และออฟชั่น จะเป็นตลาดหลักของนักลงทุนระดับมืออาชีพทั่วโลก
7. Decentralized Exchange (DEX) ตลาดการซื้อขายที่ไร้ตัวกลาง จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในอนาคตที่จะเกิดขึ้น
8. เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคริปโทฯ จะเป็นประเด็นของโลกในอนาคต โดยทุกคนจะต้องนำ คริปโทฯ เข้าไปมีส่วนร่วม
9. เมทาเวิร์ส (Metaverse) หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่จะรวม “บล็อกเชนและคริปฯ” ทุกอย่างเข้าด้วยกัน และทำให้เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนเข้าถึงมากขึ้น ในตอนนี้ “เมทาเวิร์ส” ทำให้ทุกคนมองข้ามการเก็งกำไรบิทคอยน์หรือคริปโตฯไปแล้ว
10.ทางด้านข้อกฎหมายและการกำกับ ยังมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณา เพื่อเป็นกลไกปกป้องตลาดคริปโทฯ และนักลงทุนด้วย แม้ว่าในเรื่องของเทคโนโลยีจริงๆจะทำให้ตลาดคริปโทฯ ไปได้ไกลมากแล้วก็ตาม
ขณะที่ คริปโทฯ ในยุคต่อจากนี้ หน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้น
“ปรมินทร์” กล่าวว่า ในภาวะที่ “เงินเฟ้อ”มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต ทุกคนจะรีบาลานซ์พอร์ตลงทุน เริ่มกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เช่น ทอง และบิทคอยน์ มากขึ้นอย่างในตอนนี้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ชัดว่า ถ้าเงินเฟ้อสูง จะมีผลดีต่อราคาบิทคอยน์ หรือไม่ เพราะอาจทำให้มีแรงเทขายออกมาได้เหมือน
แต่ “คน” ที่เข้ามาในตลาดคริปโทฯ ทุกวันนี้ มีความเป็นมืออาชีพหรือเป็นนักลงทุนระยะยาวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ต่างจากเมื่อ4 ปีหรือ 8 ปีก่อนที่ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนแบบเก็งกำไร และราคาบิทคอยน์มีความผันผวนลดลงเมื่อมูลค่าตลาดคริปโทฯ ใหญ่ขึ้น จากปัจจุบัน 2.6 พันล้านดอลลาร์
ประกอบกับ “ความก้าวหน้าเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว” ไม่ว่าจะเป็น DeFi หรือ Decentralized Finance (Defi) ที่เกิดจากการรวมตัวของคอมมูนิตี้ Ethereum Developer ในโปรเจกต์ต่าง ๆ , Non-Fungible Token (NFT) คือคริปโทฯ ประเภทหนึ่งที่แสดงความเป็น “เจ้าของ” ของสินทรัพย์ เช่น เกมหรือผลงานศิลปิน และล่าสุดเมื่อ เมทาเวิร์ส (Metaverse) หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะหลอมหลวมทุกอย่างเข้าด้วยกันบนเทคโลยีบล็อกเชน และทำให้เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน
หรือ แม้แต่ Central Bank Digital Currency (CBDC ) เงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ สามารถนำมาชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เช่นเดียวกับสกุลเงิน Fiat หรือเงินกระดาษปกติ ทุกประเทศพูดถึงการเป็น CBDC อยากจะออกคริปโทฯ ของตัวเอง ให้การยอมรับเทคโนโลยีบ็อกชน และยอมรับการมาของบิทคอยน์ รู้ว่าปรับตัวเพื่อที่จะไม่พลาดโอกาสและเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเพื่อรองรับในการพัฒนาประเท รวมถึง Decentralized Exchange (DEX) ส่วนตัวเชื่อว่า ตลาดการซื้อขายที่ไร้ตัวกลาง จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในอนาคตที่จะเกิดขึ้น