PIN ตั้งเป้าปี 65 รายได้โต 70% เปิดประเทศหนุนขายที่ดินนิคมฯ
PIN มั่นใจรายได้ปี 65 เติบโต 60-70% อานิสงส์รายได้ขายที่ดินเติบโต-เปิดประเทศ-ราคาที่ดินขยับขึ้น เผยไตรมาส 4/64 ลูกค้าจ่อเข้ามาเซ็นสัญญาซื้อที่แล้ว 60 ไร่ มูลค่ารวม 250-260 บ้านบาท หลังภาครัฐไฟเขียวบินเข้าประเทศไม่ต้องกักตัว
นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2565 จะพลิกกลับมาเติบโตประมาณ 60-70% จากฐานที่ต่ำในปี 2564 โดยปีนี้คาดว่ารายได้รวมจะปรับลดลงจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1,128.11 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรมเนื่องจากเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้และการปิดประเทศในไตรมาส 3 ปี 2564
แต่ในปี 2565 การรับรู้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 6 (PIN6) พื้นที่ 1,322 ไร่ การรับรู้รายได้โครงการ Logistics Park ระยะที่ 1 พื้นที่ 50,000 ตารางเมตรเต็มปี การเปิดประเทศ และการปรับขึ้นของราคาที่ดิน คาดว่าจะส่งผลให้รายได้รวมกลับมาเติบโต
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4 ปี 2564 ภายหลังการเปิดประเทศมีลูกค้าเตรียมเข้ามาทำสัญญาซื้อขายที่ดินนิคมฯ PIN6 แล้วจำนวน 3 แปลง พื้นที่รวม 60 ไร่ มูลค่ารวมประมาณ 250-260 ล้านบาท รวมถึงมีลูกค้าเข้ามาติดต่อซื้อขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ภายหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศแบบไม่ต้องกักตัว ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าต่างประเทศ
ปัจจุบันบริษัทมราคาขายที่ดินอยู่ที่ 4.3 ล้านบาทต่อไร่ เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปี 2562 ที่ 3.6 ล้านบาทต่อไร่ จากปัจจัยหนุนการประกาศพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในมือเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และคาดว่าจะมีทิศทางเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่อัตราการใช้พื้นที่ (Occupancy Rate) อยู่ในระดับสูง 88-90%
ภายหลังการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วานนี้ (9 พ.ย.) บริษัทจะนำเงินที่ได้ประมาณ 1,100 ล้านบาทไปใช้ในการขยายธุรกิจ โดยหลักจะใช้ลงทุนโครงการ Logistic Park ประมาณ 770 ล้านบาท พื้นที่ 500 ไร่ ซึ่งทยอยก่อสร้างแล้ว 5 หมื่นตารางเมตร และจะเริ่มรับรู้รายได้ในปลายปี 2564 ถัดมาจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 275 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 50 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าการระดมทุนในตลาดหุ้นจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทลดลงเหลือ 0.9-1.0 เท่า และส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E Ratio) อยู่ที่ 0.8-0.9 เท่า ขณะที่ในอนาคตบริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนไว้ไม่เกิน 1 เท่า
เมื่อสอบถามถึงธุรกิจโรงไฟฟ้า นายพีระ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าภายในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 5 (PIN5) แล้วประมาณครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตรวม 120-130 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม PIN6 กำลังการผลิตรวม 120-130 เมกะวัตต์ะเช่นกัน รวมถึงมีแผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 1 ปี 2565
ทั้งนี้ คาดว่าในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า (2568-2569) ธุรกิจโรงไฟฟ้าจะช่วยหนุนให้รายได้ประจำของบริษัทเติบโตแตะ 40-50% ตามเป้าหมาย จากปัจจุบันรายได้หลักประมาณ 70% ของบริษัทมาจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม