MTC กำไรไตรมาส3/64 ที่ 1,201 ล้านบาท ลด 10.37%
"เมืองไทยแคปปิตอล" กำไรไตรมาส3/64 ที่ 1,201 ล้านบาท ลดลง 10.37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่รายได้รวม 4,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7.89% และสินเชื่อคงค้างกว่า 85,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% โค้งสุดท้ายเดินหน้าปล่อยกู้ ดันพอร์ตสินเชื่อปีนี้โตเข้าเป้า 25-30%
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 11,785 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,844 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 3 /2564 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น7.89% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,201 ล้านบาท ลดลง 10.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
นาย ชูชาติ เพ็ชรอำไพประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดสินเชื่อยังคงเติบโตได้มากขึ้น โดยมียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 85,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,000 ล้านบาท หรือ 27% จากงวดเดียวกันปีก่อน
ขณะเดียวกันบริษัท มีการเปิดสาขาใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยจนถึงเดือนกันยายน บริษัทมีสาขารวม 5,665 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ภาพรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทยังคงรักษาการเติบโตของสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ดี และทำให้มั่นใจว่าเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อปีนี้เป็น 25-30 % จากปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ลูกค้ามีความจำเป็นต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น รวมทั้งจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อผ่านการขยายสาขาอีกไม่น้อยกว่า 700 สาขาต่อปี โดยตั้งเป้าหมายมีสาขามากกว่า 7,000 สาขา ภายใน 3 ปี
สำหรับเป้าหมายการเติบโตนั้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการนำหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบ โดยต้องการให้ประชาชนมีโอกาสที่เข้าถึงสินเชื่อที่สะดวก และเป็นธรรม พร้อมดำเนินการธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตไปพร้อมกับชุมชนร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
นายชูชาติ กล่าวอีกว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทพร้อมที่จะเดินหน้าปล่อยสินเชื่อเต็มที่เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ 3 รุ่น วงเงิน 4,500 ล้านบาท ผลตอบรับดีเยี่ยม โดยสามารถจำหน่ายได้ทั้งจำนวน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ และบริษัทฯ จะทำเงินที่ได้จากการะดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และขยายธุรกิจ
อนึ่ง หุ้นกู้ที่เสนอขาย ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน อัตราผลตอบแทน 3.13% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 3 ปี 11 เดือน 26 วัน อัตราผลตอบแทน 3.45% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 4 ปี 11 เดือน 25 วัน อัตราผลตอบแทน 3.70% ต่อปี ซึ่งได้เสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปเมื่อวันที่
4 - 5 และ 8 พฤศจิกายน 2564 โดยหุ้นกู้และบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” โดยทริสเรทติ้ง