TOP หน้าหนาวยังมาไม่ถึง! (10 พฤศจิกายน 2564)

TOP หน้าหนาวยังมาไม่ถึง! (10 พฤศจิกายน 2564)

กำไรสุทธิของ TOP ใน 3Q64 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (+188% YoY, -3% QoQ) ต่ำกว่า Bloombergconsensus 20% และต่ำกว่าประมาณการของเรา 21%

โดยส่วนต่างคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 540 ล้านบาทเนื่องจากผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันสูงเกินคาดที่ 1.9 พันล้านบาท (เราคาดไว้ที่1 .55 พันล้านบาท)

 

กำไรสุทธิใน 3Q64 โตถึง 188% YoY แต่ลดลง 3% QoQ

กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY เป็นเพราะ base GRM และ spread ของ PX, BZ และน้ำมันหล่อลื่นเพิ่มขึ้นอย่างมากจากฐานที่ต่ำใน 3Q63 ซึ่งถูกกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ระบาดในปีที่แล้ว ในขณะเดียวกันกำไรที่ลดลง QoQ เป็นเพราะถูกกดดันจากผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นถึง 74% QoQ เป็น 1.9 พันล้านบาท นอกจากนี้ spread ของ BZ ยังลดลง 8% QoQ เหลือ US$287/ton เนื่องจากจีนควบคุมการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ที่ประสบปัญหาไฟฟ้าขาดแคลน ในขณะที่ spread ของน้ำมันหล่อลื่น 500SN ลดลง 14% QoQ เหลือ US$896/ton เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นในภูมิภาคเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีโรงกลั่นหลายแห่งปิดซ่อมบำรุงไปใน 2Q64 นอกจากนี้ อัตราการกลั่นของบริษัทยังลดลง 6% QoQ เหลือ 254KBD เนื่องจาก COVID-19 กลับมาระบาดหนักในประเทศไทยใน 3Q64 แต่อย่างไรก็ตาม base GRM ของ TOP ยังขยับเพิ่มขึ้น QoQ จาก US$0.4/bbl เป็น US$1.6/bbl เนื่องจาก spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน, และน้ำมันดีเซลขยับสูงขึ้น ทั้งนี้ TOP มีกำไรพิเศษ 624 ล้านบาทใน 3Q64 ซึ่งมาจาก i) การขายหุ้น 98 ล้านหุ้นใน Ubon Bio Ethanol (UBE.BK/UBE TB) เพื่อนำเข้าจดทะเบียนใน SET และ ii) การจัดชั้นการลงทุนที่เหลืออยู่ใหม่เนื่องจาก TOP ยังถือหุ้นอยู่อีก 485 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 12.4% ใน UBE

 

 

 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564F ขึ้นจากเดิมอีก 44%

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้นจากเดิมอีก 44% เป็น 1.15 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเราปรับเพิ่มสมมติฐานกำไรจากสต็อกน้ำมันขึ้นจากเดิม 56% เป็น 1.43 หมื่นล้านบาทในปีนี้ หลังจากที่บริษัทบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันไปแล้ว 1.21 หมื่นล้านบาทในงวด 9M64 แต่อย่างไรก็ตาม เรายังปรับเพิ่มสมมติฐานผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันขึ้นอีก 100% เป็น 2.0 พันล้านบาทด้วย

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำซื้อ TOP และคงราคาเป้าหมายปี 2565 เอาไว้เท่าเดิมที่ 63.00 บาท (ยังไม่รวมแผนเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาท) อิงจาก adjusted EV/EBITDA ที่ 7.5x ทั้งนี้เนื่องจาก spread ของน้ำมันเบนซินอยู่ในระดับสูงมากถึงกว่า US$20/bbl และ spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ US$11-12/bbl ในปัจจุบัน เราจึงแนะนำให้ซื้อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น รวมถึง TOP ด้วย เนื่องจากเราคาดว่า base GRM ของ TOP จะพุ่งสูงขึ้นเป็นประมาณ US$5-6/bbl ใน 4Q64 นอกจากนี้ บริษัทยังเชื่อว่า spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากระดับปัจจุบัน เพราะอุปสงค์ที่สูงตามฤดูกาลในช่วงหน้าหนาวซึ่งจะเริ่มในเดือนธันวาคม

 

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมถึงการเพิ่มทุนใน 1H65 และการเลื่อนกำหนด COD ของโครงการ CFP จาก 3Q66 เป็นปี 2567